info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.224.149.242

สิงห์ เอสเตท ตั้งเป้ารายได้ 1.34 หมื่นล้าน พอร์ต รร.อังกฤษ-มัลดีฟส์ ชูโรง

Residential News / ข่าวหมวดที่พักอาศัย

สิงห์ เอสเตท เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2565 คาดผลักดันรายได้ทำสิถิติสูงสุดใหม่ 1.34 หมื่นล้าน ด้วยกลยุทธ์กระจายการลงทุน-จับมือพันธมิตรเสริมความแข็งแกร่ง 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกาศวิสัยทัศน์ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 25% ใน 5 ปี (2565-2569) วันที่ 21 มีนาคม 2565 นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่า ปี 2565 มีแผนสร้างความแข็งแกร่งด้านรายได้และการเงินต่อเนื่อง ผ่านโครงการร่วมทุนกับพันธมิตร และการนำทรัพย์เข้ากอง เอส ไพรม์ โกรท หรือ SPRIME โดยตั้งเป้าเป็นนิวไฮอยู่ที่ 13,400 ล้านบาท เทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้ 7,739 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 73%

“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตทได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์กระจายการลงทุนเพื่อสร้างความหลากหลายใน 4 กลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกัน ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างสม่ำเสมอ”ทั้งนี้ เป้ารายได้ 13,400 ล้านบาทมาจากธุรกิจที่อยู่อาศัย 25% ธุรกิจอาคารสำนักงาน 8% ธุรกิจโรงแรม 63% และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและอื่นๆ 4%

รายละเอียด “ธุรกิจที่อยู่อาศัย” ตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 50% ในปีนี้ จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดพร้อมอยู่ 2 โครงการได้แก่โครงการ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์, ดิ เอส อโศก และโครงการบ้านแนวราบ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” ซึ่งมีมูลค่า Backlog 2,600 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ 70% ในปีนี้ นอกจากนี้มีแผนเปิดบ้านแนวราบเพิ่ม 1 โครงการในทำเลพัฒนาการในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 มูลค่า 2,900 ล้านบาท โดยจะสามารถรับรู้รายได้ทันในปี 2565 นี้

“ธุรกิจอาคารสำนักงาน” ตามแผนงานภายในกลางปี 2565 นี้จะเปิดตัวเป็นทางการโครงการ เอส โอเอซิส (S OASIS) สำนักงานพร้อมพื้นที่รีเทลแห่งใหม่ล่าสุดย่านลาดพร้าว พื้นที่รวม 55,700 ตารางเมตร ตั้งเป้าว่ามีอัตราการเช่าพื้นที่ 50% ณ ปีที่เปิดให้บริการ รวมถึงการกลับมาเปิดตัวอีกครั้งของโครงการ เอส เมโทร (S METRO) อาคารสำนักงานหรูย่านพร้อมพงษ์

“ธุรกิจโรงแรม” เติบโตก้าวกระโดด 88% สร้างรายได้แตะ 8,500 ล้านบาท ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ประกอบการโรงแรมไทยที่มียอดรายได้สูงขึ้นเป็นอันดับที่ 2 มาจากกลยุทธ์การทำธุรกิจแบบกระจายความเสี่ยง (Well-diversified portfolio) ผ่านการมีโรงแรมในเครือที่ตั้งอยู่ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะพอร์ตในสหราชอาณาจักรและมัลดีฟส์ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวเร็วที่สุดของโลก

นอกจากนี้ บริษัทลงทุนรีโนเวตโรงแรมในเครือที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพิ่มรูปแบบการให้บริการเพื่อกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย เช่น การเพิ่มห้องพักแบบพูลวิลล่าในรีสอร์ทที่ประเทศมัลดีฟส์รองรับกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง การปรับสมดุลพอร์ตผ่านกลยุทธ์หมุนเวียนและต่อยอดการลงทุน (Asset Rotation) ที่จะยกระดับการให้บริการรวมถึงอัตราราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันสูงขึ้นได้ราว 10-20% คาดว่าโรงแรมในเครือที่มีการปรับปรุงใหม่แล้วเสร็จ จะสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้น 40%

“ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม” ในปี 2565 มีความพร้อมในการรับรู้รายได้จากการขายและโอนที่ดินเป็นปีแรก หลังจากที่ได้มีการเข้าไปลงทุนและปรับพื้นที่และก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานไปแล้วในปี 2564 ตั้งเป้าโอนที่ดินในปีนี้ 15% ของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมซึ่งมีพื้นที่ขายรวม 992 ไร่

นางฐิติมากล่าวว่า ที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตทมีความร่วมมือกับพันธมิตรในการลงทุน อาทิ ร่วมทุนกับฮ่องกง แลนด์ เพื่อขยายฐานลูกค้าต่างชาติ และพัฒนาคอนโดมิเนียม ดิ เอส สุขุมวิท 36 มูลค่า 5,900 ล้านบาท, ร่วมทุนกับกลุ่ม วาย อีโค เวิลด์ ดีเวลลอปเปอร์ จำกัด (WEWD) พัฒนารีสอร์ทใหม่พร้อมวิลล่าหรู 80 หลังแบรนด์ “โซ/ มัลดีฟส์” (SO/ MALDIVES) ที่ สนับสนุนให้ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์”ตอบโจทย์ลูกค้าที่หลากหลายได้ในทุกช่วงราคา

นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท วางแผนให้เช่าระยะยาวอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกระดับพรีเมียมของบริษัท 3 อาคาร ประกอบด้วย สิงห์ คอมเพล็กซ์, เอส เมโทร และพื้นที่ค้าปลีก ซันทาวเวอร์ส แก่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอส ไพรม์ โกรท (“SPRIME”) เพื่อให้เป็นไปตามกลยุทธ์สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ในอนาคต SPRIME ขึ้นแท่นเบอร์ 1 กองทรัสต์ประเภทอาคารสำนักงาน ทั้งนี้ ช่วงปลายปี 2564 สิงห์ เอสเตท ได้เข้าลงทุนในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน โดยถือหุ้น 30% ในบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 1 จำกัด ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าประเภทพลังความร้อนร่วม กำลังผลิต 123 เมกะวัตต์ ปี 2565 จะสามารถรับรู้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้าเต็มปีเป็นครั้งแรก

แผนลงทุนรวมถึงร่วมลงทุนกับ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมอีก 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 280 เมกะวัตต์ สามารถจ่ายไฟฟ้าได้ในปี 2566 นางฐิติมากล่าวถึงแผนระยะยาว 5 ปี (2565-2569) บริษัทพุ่งเป้าไปที่การสร้างซินเนอร์จีใน 4 กลุ่มธุรกิจ เชื่อมโยงสู่โอกาสและการต่อยอดทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปัจจุบัน “เพื่อให้ สิงห์ เอสเตทก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแถวหน้าของประเทศไทย ที่ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และธุรกิจบริการที่เกี่ยวเนื่อง ขณะเดียวกัน การเติบโตในครั้งนี้ เราอยู่ในระหว่างมองหาโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรแขนงต่างๆ เป้าหมายสร้างการเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี” นางฐิติมากล่าว

21/3/2565  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ (21 มีนาคม 2565)

Youtube Channel