info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.97.9.175

‘สลัดแฟคทอรี่’ ทุ่ม 50 ล้าน ลุยสาขาใหม่-ดันยอดโต 20%

Retails News / ข่าวหมวดห้างสรรพสินค้า

“สลัดแฟคทอรี่” กางแผนปี 2568 ทุ่ม 50 ล้านบาท เดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม 8-9 แห่งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด พร้อมผนึก “เอสเพียว” ต่อยอดแคมเปญใหม่ “อกไก่ฉ่ำ So Yummy” เป็นครั้งที่ 2 ชู 5 เมนูใหม่-เอาใจลูกค้าทุกกลุ่ม ขณะที่ธุรกิจ Nonrestaurants สิ้นปีคาดพุ่งแตะ 100 ล้านบาท รับอานิสงส์ตลาดร้านอาหารสุขภาพโตแรง ส่วนรายได้รวมสิ้นปี 2568 คาดโต 20%

นายปิยะ ดั่นคุ้ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ ผู้บริหารร้าน “สลัดแฟคทอรี่” (Salad Factory) เปิดเผยว่า ในปี 2567 ตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพในประเทศไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท และยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 คาดการณ์ว่าตลาดจะมีมูลค่าแตะ 5,200 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 15-20% จากปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ มีปัจจัยหนุนมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับในตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพก็ยังมีผู้เล่นรายใหม่ ๆ เข้ามาอยู่ตลอดเวลา สะท้อนจากจำนวนผู้เล่นในปัจจุบันที่มีมากถึง 20 กว่าแบรนด์ จากเดิมเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพมีไม่เกิน 5 แบรนด์เท่านั้น

ส่งผลให้ในอีก 3 ปีจากนี้ไป (2569-2571) คาดว่าตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพจะยังเติบโตต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ย 15-20% ต่อปี อย่างไรก็ตาม อีก 5 ปีให้หลัง คาดว่าตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงและเริ่มนิ่งมากขึ้น เนื่องจากฐานที่ใหญ่ขึ้นจากผู้เล่นที่เข้ามาใหม่

ทุ่ม 50 ล้าน-ลุยขยายสาขาเพิ่ม

นายปิยะกล่าวต่อว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทได้วางงบฯลงทุนราว 50 ล้านบาท ในการขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 8-9 แห่ง โดยช่วงต้นปีเปิดสาขาไปแล้ว 3 สาขา และเร็ว ๆ นี้ จะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ที่เกตเวย์ เอกมัย ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ ก่อนจะทยอยเปิดในช่วงครึ่งปีหลังอีก 4-5 สาขา ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และต่างจังหวัด อาทิ ชลบุรี กาญจนบุรี

โดยคาดว่าสิ้นปี 2568 จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 54 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 48 สาขา แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 33 สาขา, นนทบุรี 6 สาขา, ปทุมธานี 3 สาขา, สมุทรปราการ 2 สาขา, นครปฐม 2 สาขา, นครสวรรค์ 1 สาขา และชลบุรี 1 สาขา

“การขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว ถือเป็นเป้าหมายที่เราก็พยายามทำอยู่ เนื่องจากปัจจุบันสาขาส่วนใหญ่ของสลัดแฟคทอรี่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในภาคกลาง ดังนั้น การที่เราขยายฐานลูกค้าไปยังจังหวัดท่องเที่ยวก็คาดว่าจะช่วยให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักและสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น”

อัดแคมเปญ-ผนึกพาร์ตเนอร์

ด้านกลยุทธ์การทำการตลาดในปี 2568 บริษัทจะเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ควบคู่ไปกับการรักษาฐานลูกค้าเก่า ด้วยการนำเสนออาหารคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงง่าย ตลอดจนพัฒนาเมนูใหม่ ๆ ต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นยอดขาย และสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด

ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “อกไก่ฉ่ำ So Yummy” ภายใต้การร่วมมือกับ “เอสเพียว (S-Pure)” ในการนำเสนอ 5 เมนูใหม่ ได้แก่ คัตสึอกไก่ซอสนากาโนะมิโซะ, สลัดครันชี่อะโวคาโดอกไก่ย่าง, สปาเกตตีเมนไทโกะอกไก่ย่างมิโซะ, สเต๊กอกไก่ย่างซอสเห็ดญี่ปุ่น และชิบูย่าชิกเก้นโทสต์ซอสแบล็กยูซุ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณการตลาดราว 3-5% ของยอดขายรวม

“ซึ่งความร่วมมือกับเอสเพียวในปีนี้ถือเป็นปีที่ 2 แล้ว หลังจากปีแรกได้รับกระแสตอบรับที่ดี จนส่งผลให้ยอดขายโดยรวมของสลัดแฟคทอรี่ในปีที่ผ่านมา เติบโตขึ้นกว่า 200% โดยมีเมนูอกไก่เป็นพระเอกที่สร้างการเติบโตของยอดขายในกลุ่มเมนูดังกล่าวได้มากกว่าเท่าตัว โดยคาดว่าแคมเปญนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตขึ้นราว 20%”

สำหรับการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย บริษัทวางกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อเข้าถึงลูกค้า 3 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มลูกค้าประจำ ได้แก่ กลุ่มครอบครัว, กลุ่มมิลเลนเนียล และผู้ที่รักสุขภาพ 2.กลุ่มคนเมือง ได้แก่ กลุ่มมิลเลนเนียล และกลุ่ม Gen Z ที่มีไลฟ์สไตล์เร่งรีบและให้ความสำคัญกับสุขภาพ 3.กลุ่มครอบครัวใหญ่ ได้แก่ ผู้ปกครอง ผู้สูงอายุ ที่มองหาทางเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพสำหรับทุกคนในครอบครัว ในราคาที่คุ้มค่าและเข้าถึงได้

โดยเบื้องต้นแคมเปญดังกล่าวจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่และกระตุ้นความถี่ในการกลับมาใช้บริการให้เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีการกลับมาใช้บริการอยู่ที่ 2-3 ครั้งต่อเดือน และมียอดใช้จ่ายต่อบิลอยู่ที่ 200-300 บาท

ตั้งเป้า Nonrestaurants 100 ล.

นายปิยะกล่าวต่อว่า นอกเหนือจากธุรกิจร้านอาหารแล้ว ธุรกิจในกลุ่ม Nonrestaurants ยังเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์ในการสร้างการเติบโต โดยในปี 2568 ก็จะยังคงมีการผลิตและจำหน่ายสินค้า เช่น น้ำสลัด ให้กับคู่ค้าอย่างท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 ตั้งเป้าหมายการเติบโตในกลุ่ม Nonrestaurants เท่าตัว หรือมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท จากปีก่อนหน้ามีรายได้อยู่ที่ 52 ล้านบาท

รับมือความท้าทายเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม สำหรับในแง่ของภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง เบื้องต้นมองว่ายังคงมีความท้าทายอยู่ จากปัจจัยหลายด้าน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็จะเลือกที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาปัจจัยภายในที่สามารถควบคุมได้ให้ดีที่สุด ทั้งในเรื่องคุณภาพอาหาร การบริการ การบริหารจัดการต้นทุน และการจัดแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างสม่ำเสมอ

“เพราะโจทย์ของเราคือ การทำราคาให้ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายและทานได้บ่อย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้เรารับมือกับสภาวะเศรษฐกิจในทุกช่วงเวลา ขณะที่ราคาวัตถุดิบต่าง ๆ ยังทรงตัว และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต จากการแข่งขันที่สูงขึ้นและวอลุ่มการสั่งซื้อที่มากขึ้น จึงทำให้เราน่าจะบริหารจัดการต้นทุนและทำราคาที่ดีให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง”

13/6/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 13 มิถุนายน 2568 )

ช่องยูทูปของ iCONS