อัพเดตอาณาจักรค้าปลีก BJC สิ้นปี66 บิ๊กซี, โดนใจ, ตลาดเดินเล่น, เอเชียบุ๊คส์, เพรียว, กาแฟวาวี ทั้งไทย-เทศมีกันกี่สาขาแล้ว
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีเจซี กลุ่มธุรกิจในเครือเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒภักดี แจ้งผลประกอบการปี 2566 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมเปิดเผยรายละเอียดจำนวนสาขาของธุรกิจค้าปลีกในเครือ ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี ฟู้ดเพลส, บิ๊กซี ฟู้ดเซอร์วิส, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี มินิ, บิ๊กซี ดีโป้, ตลาด, ร้านยาเพรียว, ร้านกาแฟวาวี, ร้านหนังสือเอเชียบุ๊คส์ รวมถึงร้านโดนใจ
โดยเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ระบุว่า ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีร้านค้าปลีกในแบรนด์และโมเดลต่าง ๆ รวมกัน 1,969 สาขา และเครือข่ายร้านโดนใจอีกกว่า 6.3 พันสาขา แบ่งเป็น
ไฮเปอร์มาร์เก็ต 156 สาขา แบ่งเป็น
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ในกัมพูชา 1 สาขา
ซูเปอร์มาร์เก็ต 50 สาขา แบ่งเป็น
บิ๊กซี มาร์เก็ต 35 สาขา
บิ๊กซี ฟู้ดเพลส 13 สาขาในไทย
บิ๊กซี ฟู้ดเพลส 2 สาขาในกัมพูชา
บิ๊กซี ฮ่องกง 24 สาขา
บื๊กซี มินิ 1,567 สาขา เป็น
แฟรนไชส์ในไทย 51 สาขา
บิ๊กซี มินิ ในกัมพูชา 19 สาขา
บิ๊กซี ดีโป้ 11 สาขา
บิ๊กซี ฟู้ดเซอร์วิส 6 สาขา
ตลาด Open-air 8 สาขา
ร้านขายยาเพรียว 143 สาขา
ร้านกาแฟวาวี 96 สาขา
ร้านเอเชียบุ๊คส์ 64 สาขา
ร้านค้าโดนใจ 6,350 สาขา
หลังไตรมาส 4 ของปี 2566 บริษัทขยายสาขาเพิ่มประกอบด้วย บิ๊กซี ไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่จังหวัดสระบุรี 1 สาขา, บิ๊กซี ฟู้ดเพลส ที่เอเชียทีค 1 สาขา, บิ๊กซี มินิ ในไทย 91 สาขา, ร้านขายยาเพรียว 2 สาขา, ตลาดเดินเล่นที่สุขุมวิท 42 จำนวน 1 แห่ง และร้านหนังสือเอเชียบุ๊คส์ 4 สาขา
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น บีเจซี อธิบายว่า ธุรกิจนี้มีรายได้รวมของปี 2566 อยู่ที่ 114,030 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,333 ล้านบาท หรือ 3.9% จากปี 2565
โดยเป็นเม็ดเงินจากการขายสินค้า 101,124 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,139 ล้านบาท หรือ 4.3% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายจากร้านสาขาเดิมเติบโตขึ้น 3% (ไม่รวมยอดขายสินค้า B2B) หลังร้านค้าแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการขยายสาขาต่อเนื่องในทุกรูปแบบร้านค้า
ด้านรายได้อื่นอยู่ที่ 12,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 194 ล้านบาท หรือ 1.5% เนื่องจากค่าเช่าและบริการที่เพิ่มขึ้น
ส่วนกำไรสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ประจำปี 2566 อยู่ที่ 3,709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152 ล้านบาท หรือ 4.3% จากปี 2565 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรก่อนหักภาษี เพิ่มขึ้น
โดยอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มสินค้า ประจำปี 2566 อยู่ที่ 18.1% เพิ่มขึ้น 88 bps มีสาเหตุหลักจากการบริหารสต๊อกสินค้าที่ดี รวมถึงค่าใช้จ่ายในห่วงโซอุปทานลดลงตามการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ และรายได้ของศูนย์กระจายสินค้าที่เพิ่มขึ้น
อัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี อยู่ที่ 55% เพิ่มขึ้น 27 bps เพราะรายได้จากการขาย รายได้อื่น และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
23/2/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 23 กุมภาพันธ์ 2567 )