info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.191.44.23

อรสิริน ปิดดีล Mill Hill อิงแลนด์ เปิดโรงเรียนนานาชาติประวัติ 200 ปีที่เชียงใหม่

Education News / ข่าวหมวดการศึกษา

ไต่เพดานบินสูงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรากำลังพูดถึงค่ายอรสิริน โฮลดิ้ง หนึ่งในกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์เจ้าถิ่น จังหวัดเชียงใหม่

ล่าสุด ดีลธุรกิจ 2 ขั้ว ระหว่างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับธุรกิจการศึกษานานาชาติ สามารถปิดดีลในเวลาอันสั้น เพราะต่างฝ่ายต่างมีเครดิตที่น่าเชื่อถือระดับเกรด A+ ด้วยกันทั้งคู่ นำมาสู่การลงนามสัญญา ที่จะนำมาสู่การเปิดการเรียนการสอนโรงเรียนนานาชาติของ Mill Hill นอกประเทศอังกฤษเป็นครั้งแรก โดยเลือกปักหมุดที่เมืองไทย จุดน่าสนใจคือเลือกปักหมุดที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในเดสติเนชั่นด้านการท่องเที่ยวระดับโลก

ชีวิตวัยเด็กมีได้แค่ครั้งเดียว

คีย์วูแมนคนสำคัญของ Mill Hill “Mrs. Kate Simon” Head of Grimsdell School & Mill Hill Pre-preparatoty School ต้นแบบขนานแท้จากเมืองผู้ดี สั่งสมประสบการณ์สอนในโรงเรียนเด็กเล็กจนถึงเด็กโต 22 ปี และนั่งรับผิดชอบในระนาบผู้อำนวยการโรงเรียน Grimsdell 10 ปี ชอบอ่านวรรณกรรม บทกวี คุณสมบัติสำคัญยังรวมถึงรักการเรียนรู้เป็นชีวิตจิตใจ

“ดิฉันมีลูก 3 คน อายุ 10-15-17 ปี ก่อนเป็น ผอ.โรงเรียน ในฐานะผู้ปกครองได้เดินเข้ากริมสเดล หลงรักบรรยากาศการเรียนการสอน อยากส่งลูกมาเรียนตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สัมผัส ปัจจุบัน ลูกชายอายุ 17 ปีก็เรียนที่ Mill Hill แน่นอนว่ารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้นั่งตำแหน่ง ผอ.กริมสเดลล์ ดิฉันมั่นใจว่าเข้าใจความคิดและเข้าใจความต้องการผู้ปกครองเพราะมีประสบการณ์ตรงในฐานะเป็นแม่”

สำหรับโรงเรียนอนุบาลนานาชาติกริมสเดลล์ โฟกัสและทุ่มเทความสำคัญให้กับการพัฒนาวัยเด็ก เพราะวัยเด็กมีได้ครั้งเดียว ทำให้มีความหมายและเป็นวัยเด็กที่ดี “…เมื่อโตขึ้นเรามักพูดถึงวัยเด็กว่าได้ทำอะไรมาบ้าง พื้นฐานการเติบโตเป็นยังไง และเราผ่านมาได้ยังไง”

เพราะตระหนักดีว่า ทุกคนมีวัยเด็กแค่ครั้งเดียว ที่ Mill Hill อยากจัดเตรียมวัยเด็กให้มีความหมาย มีความพร้อมในการใช้ชีวิตในภายภาคหน้า โดยใช้ประสบการณ์ที่สะสมยาวนานจากจุดเริ่มต้นก่อตั้งในปี 1807 ปัจจุบันเป็นเครือข่ายโรงเรียนที่มีอายุ 217 ปีในปีนี้

ปลูกฝังวิถีกริมสเดลล์ 9 ข้อ

“Mrs.Kate” เริ่มต้นแนะนำหลักสูตรแบบฉบับ Mill Hill หยิบบางรายละเอียดมาเล่าต่อ ดังนี้

เริ่มต้นจาก Right at the heart สุขภาวะที่ดีเกิดจากจิตใจที่ดี เราไม่ได้เน้นที่ประสบความสำเร็จแล้วจะมีความสุข แต่มีความสุขเพื่อประสบความสำเร็จ โรงเรียนจึงโฟกัสเด็กอยู่มีความสุขไหม เอ็นจอยจริง ๆ รึเปล่า เพราะถ้าเด็กมีความสุขจะส่งผลให้ประสบความสำร็จได้ดี

The little things matter โชว์ด้วยการกระทำ สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ อยากให้เด็กรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นทุกเช้า เช็กแฮนด์เด็กทุกคน มองตาเด็ก มีโมเมนต์ให้เกียรติกันและกัน สอนมารยาทในการเข้าสังคม มีการพูดคุย ถ้าเด็กอวดผลงานก็จะชื่นชม ทำให้เด็กรู้สึกว่ามีคุณค่า ทำให้ ผอ.รับรู้ด้วยว่าเด็กรู้สึกยังไง มีพัฒนาการด้านอารมณ์ยังไง รู้สึกยังไงเมื่อมาถึงโรงเรียน มีการเปิดเพลงให้เด็กแฮปปี้เมื่อมาโรงเรียน ถ้าเด็กเศร้าก่อนเข้าโรงเรียนจะสอบถามเกิดอะไรขึ้น เพื่อให้เด็กผ่อนคลาย

ไม่เฉพาะเด็กนักเรียน แต่รวมถึงผู้ปกครองด้วย

The Mill Hill Way, The Grimsdell Way เรียกว่าวิถีกริมสเดลล์มีวิถี 9 ข้อ อาทิ ขยัน ใจดี ให้เกียรติผู้อื่น ฯลฯ ระหว่างวันมีการสื่อสารกับนักเรียนตลอด ต้องการอะไร มีปัญหาอะไร แชร์ให้ครูฟัง วิถีกริมสเดลล์ เป็นการพัฒนาเด็กและสื่อสารวิถี 9 ข้อตลอดเวลา เพื่อให้เด็กปฏิบัติตัวทุกที่ตลอดเวลา และแสดงพฤติกรรมออกมาทั้งในโรงเรียนและที่บ้าน

Thrive in five ส่งเสริม 5 ชุดความคิด 1.นักเรียนทุกคนสามารถที่จะมีความคิดทางบวก เลือกได้ ตัดสินใจเองได้ เด็กอาจตกใจว่าเลือกได้ว่าทำ-ไม่ทำอะไร ขณะที่อยู่บ้านพ่อแม่เป็นคนบอกว่าเลือกได้ ทำหรือไม่ทำอะไร เด็กจึงมีอิสระแต่อิสระทางบวก 2.มีความรับผิดชอบกับการประพฤติของตัวเอง ทำแล้วรับผิดชอบได้ไหม มีอิสระ เป็นตัวเอง ช่วยเหลือตัวเอง 3.มีผลกระทบที่ดีต่อผู้อื่น ตัวเอง โรงเรียน ที่บ้าน ซึ่งโรงเรียนหวังว่าดีต่อสังคมและโลก

4.รู้และควบคุมตัวเอง เวลาเจอปัญหารู้ตัวว่าจะเผชิญปัญหายังไง ปกติเด็กจะงอแง ร้องไห้ ที่นี่สอนให้รู้จักอารมณ์ตัวเอง จะรับมือและปฏิบัติยังไง และ 5.ฝันให้ไกล ไปให้ถึง ให้มีความมั่นใจว่าจะทำได้

จุดเน้นอยู่ที่นอกจากสอนเด็ก ยังส่งเสริมผู้ปกครองใช้คำเดียวกัน (5 ชุดความคิด) เพื่อพูดภาษาเดียวกันกับโรงเรียน ให้เด็กสามารถปฏิบัติได้ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน

เรียน+เล่นคนละเรื่องเดียวกัน

Choose your story แน่นอนว่าหลักสูตรที่อายุนักเรียนเริ่มต้น 3 ขวบ-17 ปี กรณีชั้นเรียนเริ่มต้นที่เป็นเด็กเล็กมีการนำรูปภาพมาใช้ในการสื่อสาร สร้างการจดจำและติดตามได้ง่าย ฝึกสอนให้คิดแบบมองต่างมุม ให้รู้ว่าเด็กทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ มี Positive Impact มีการให้เด็กให้คะแนนตัวเอง และส่งเสริมเด็กให้มีจินตนาการ สร้างแรงบันดาลใจ

A Growth mindset เป็นอีกเรื่องที่ต้องปลูกฝัง เพราะ Success-what people see, Fail-what people don’t see ความสำเร็จจะเห็นแค่ยอดของธารน้ำแข็ง เช่น ได้เกรดเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้สำเร็จมาจากหลายทาง เช่น ความเสียสละ ความผิดหวัง ความตั้งใจว่าเราทำได้แต่ไม่มีใครเห็นตรงนั้น นำเข้าไปอยู่ใน 5 ชุดความคิดที่ว่า กว่าจะสำเร็จต้องทำงานหนัก เจอความผิดหวัง ไม่มีทางลัด โดยวิธีการใช้การพูดคุยและให้เด็กซึมซับในช่วงวัยเด็ก

House system- มี “ห้องอะไร” ในกริมสเดลล์ ให้นึกถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นระบบบ้าน นักเรียนแต่ละคนจะมีสังกัดแต่ละบ้าน นักเรียนจะเลือกตั้งชื่อเอง เมื่อถูกส่งไปอยู่บ้านหลังไหน ทำดีได้คะแนนรวมของบ้าน เป็นต้น

Pastoral care structures โครงสร้างการดูแลการเรียนการสอน ต่อจิ๊กซอว์ 3 ส่วน “ครู เมนเทอร์ ที่ปรึกษา” โดย ผอ.กริมสเดลล์เป็นคนรีครูตครูด้วยตัวเอง มีความอบอุ่น ปรับตัวเข้าวิถีกริมสเดลล์ การสอนเด็ก มีระบบสนับสนุน ให้คำปรึกษา รับฟังเวลาเด็กมีปัญหา ทั้งยังต้องการความมีเมตตา ความใจดีอีกด้วย

Mindfulness เด็กอนุบาล 3 ขวบต้องเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ตัวเอง เช่น เรียนสมาธิ ส่งเสริมให้เด็กรู้จักอารมณ์ตัวเอง แม้แต่เด็กเล็ก ๆ รู้สึกได้ถึงความกดดันจากผู้ปกครอง โรงเรียน ครู เพื่อนไม่เล่นด้วย การให้เด็กได้หยุด (สมาธิ) คิด ให้รู้จักตัวเองว่ากำลังทำอะไร และคิดอะไร ซึ่งอยากส่งเสริมให้นำมาใช้ในประเทศไทย

Always Embracing diversity that Intrrnational School brings ทั้งนี้ กริมสเดลล์มีนักเรียนนานาชาติ ส่งเสริมให้เด็กพบเจอกับคนหลากหลายประเทศ มีการส่งเสริม เช่น มีทั้งกระจกและหน้าต่าง โดยกระจกส่องแล้วเข้าใจและส่งเสริมวัฒนธรรมตัวเอง, หน้าต่าง ประเทศอื่น เพื่อนอื่น วัฒนธรรมอื่น มีอะไรบ้าง,

กิจกรรม เช่น เทศกาลของแต่ละวัฒนธรรม

Warmth and Friendliness สิ่งแวดล้อมทั้งหมดในโรงเรียน ทั้งหมดที่กล่าวมาเพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กเข้ามาอยู่ในโซนการเรียนรู้

Impact on children ผลลัพธ์ต่อเด็กทั้งหมด มีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น อยากรู้อยากเห็น มั่นใจ มีความคิดอิสระของตัวเอง มีความฉลาดทางอารมณ์หรืออีคิว มีความเป็นผู้นำ เน้นทักษะในการปรับตัว ปรับการเรียนการสอน ซึ่งเด็กก็ต้องปรับตัวด้วย ซึ่งทักษะศตวรรษที่ 21 ที่บ่มเพาะมา โรงเรียนมั่นใจว่าเป็นทักษะที่สังคมการทำงานมองหา เป็นซอฟต์สกิลให้ติดตัวเด็กนักเรียน

ตอบโจทย์ศตวรรษที่ 21

สำหรับหลักสูตร Early Years นักเรียน 3-5 ขวบ ต้องสำเร็จอะไรบ้าง คำตอบกลั่นกรองออกมาเป็นหลักสูตรบ่มเพาะลักษณะนิสัยเด็ก ผ่านการเล่น การสำรวจโลก

การเรียนรู้ตลอดเวลา การคิดแบบตรรกะ มีจินตนาการ โดยมีส่วนที่จะโฟกัสในเรื่องเด็กเรียนรู้การพัฒนาตนเอง สังคม อารมณ์, การพัฒนากายภาพ และเพิ่มเติม Literacy หรือการ คิด อ่าน เขียน กับ Mathemantics เข้าใจโลก และที่ขาดไม่ได้คือ Arts & Design

The Grimsdell Library ที่นี่ให้ความสำคัญห้องสมุดมาก แต่ละเล่มกว่าจะเข้ามาได้ต้องเป็นนวนิยายหรือเรื่องราวที่มีคุณภาพเท่านั้น ทุกสัปดาห์เด็กต้องมีส่วนร่วมกับห้องสมุด นำหนังสือกลับไปอ่านที่บ้าน เป็นการส่งเสริมรักการอ่าน ทุก ๆ ธีมการเรียนการสอนมีหนังสือที่เป็นพื้นฐาน เช่น เสือในกล่อง เด็กเปิดออกมาแล้วเจออะไร อยากรู้ก็ให้ค้นหาด้วยตนเอง ฯลฯ

Memorable and Interactive อีกสิ่งหนึ่งที่เน้น ในอังกฤษระบบโรงเรียน การเปลี่ยนผ่านเนิร์สเซอรี่ไปเยียร์ 1-2 พยายามทำให้เนียนมากที่สุด ไม่ให้เด็กรู้สึกเป็นการเปลี่ยนผ่านที่ยิ่งใหญ่

Forest School Proven Development การเรียนการสอนเป็นโรงเรียนธรรมชาติ มีพื้นที่สีเขียวเยอะ ส่งเสริมให้เด็กได้เข้าไปเรียนรู้ในป่าและแคมปิ้ง เป็นต้น

The Parent Partnership โรงเรียนให้ความสำคัญกับผู้ปกครองเป็นอย่างมาก มีการสื่อสารกับผู้ปกครอง ให้เข้าใจตรงกับครู เพื่อดูแลเด็กให้ไม่งง ไม่ใช่ดูแลแบบหนึ่งในโรงเรียน อีกแบบหนึ่งจากผู้ปกครอง

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรการเรียนการสอนของ Mill Hill ซึ่งเน้นย้ำเป็นพิเศษว่า เด็กนักเรียนทุกคนจะมีทักษะที่การทำงานในศตวรรษที่ 21 ต้องการ ทั้งนั่ง เขียน เรียนรู้ ส่งเสริมใช้เทคโนโลยี เรียนนอกห้องเรียน พรีเซนต์ให้กล้าแสดงออก เป็นต้น

พัฒนา 2 เฟสถึงปี 2570

ผู้บริหารฝั่งอรสิริน “อรรคเดช อุดมศิริธำรง” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดประเด็นว่า แรงบันดาลใจที่อยากทำโรงเรียนนานาชาติ มาจากตระเวนหาโรงเรียนให้ลูกชายตัวน้อย สิ่งที่ค้นพบคือในไทยไม่มีโรงเรียนนานาชาติแบบฉบับประเทศอังกฤษ ในขณะที่วัยเด็กมีครั้งเดียว ก็อยากให้คุณภาพชีวิตช่วงเวลานั้นของลูกต้องดีที่สุด

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา อรสิรินทดลองโพสต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ผ่านหน้าเพจของอรสิรินกรุ๊ป กับผ่านหน้าเพจคุณแม่เชียงใหม่ เพื่อโอเพ่นเฮาส์ Mill Hill จากอังกฤษเป็นครั้งแรก ตั้งเป้า 25 ครอบครัว ปราฏว่ามีถึง 97 ครอบครัวที่ลงทะเบียนมาร่วมรับฟัง

สำหรับแผนลงทุนโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill จากอังกฤษ จะก่อสร้างบนแลนด์แบงก์ขนาด 600 ไร่ ซึ่งอรสิรินเพิ่งพัฒนาหมู่บ้าน 2-3 โครงการ เนื้อที่รวม 200 ไร่ จึงเหลือแลนด์แบงก์รอพัฒนาอีก 400 ไร่ ในจำนวนนี้จะแบ่ง 40 ไร่มาพัฒนาโรงเรียนนานาชาติ วางแผนพัฒนาอย่างน้อย 2 เฟส

เฟสแรกช่วงปี 2024-2025 หรือปี 2567-2568 ก่อสร้างอาคารอำนวยการ กับอาคารเรียน พื้นที่ก่อสร้าง 20,000 ตารางเมตร เงินลงทุนไม่รวมที่ดิน 700 ล้านบาท หากรวมค่าที่ดินด้วยมูลค่าพัฒนาจะเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาท กำหนดตอกเสาเข็มต้นแรกหลังเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 กำหนดแล้วเสร็จช่วงปลายปีนี้ จากนั้นเป็นกระบวนการขอใบอนุญาตโรงเรียน วางแผนเปิดตัวนักเรียนคนแรกในปี 2568

“เดิมวางแผนเปิดรับชั้นอนุบาลก่อน แต่สำรวจความต้องการผู้ปกครองพบว่า บางท่านมีลูก 2 คน อยากให้เรียนที่เดียวกัน เพราะฉะนั้นก็เลยปรับแผนใหม่ ปีแรกที่รับนักเรียนได้ จะเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่อนุบาลถึงเยียร์ 6 แต่เปิดชั้นละ 1 ห้อง รวม 8 ชั้นเรียน ชั้นละ 20 คน เท่ากับเฟสแรกรองรับนักเรียนได้ 150-160 คน กลุ่มอายุ 3-11 ปี”

จากนั้น แผนเปิดรับนักเรียนเต็มเฟส รองรับได้ 870 คน ตั้งแต่อายุ 3-18 ปี ตามแผนจะเป็นเฟสที่พัฒนาในปี 2026-2027 หรือภายในปี 2570

บาลานซ์ “สัญชาตินักเรียน”

ด้านบุคลากรครู นำเข้าจาก Mill Hill จากเกาะอังกฤษทั้งหมด เฟสแรกมีจำนวน 12 คน ซึ่งจำนวนครูไม่เป็นประเด็นเพราะเครือข่าย Mill Hill ในอังกฤษมี 8-9 โรงเรียน ได้แก่ Mill Hill, Belmont, Grimsdell, Mill Hill International, Cobham Hall, Lyonsdown School, Keble Prep และ St. Joseph’s in the Park มีครูในสังกัด 500-600 คน

โดยสัดส่วนครู 1 คนต่อจำนวนเด็ก 22-25 คน ทั้งเด็กเล็กและเด็กโต แบ่งเป็นครูสอนแต่ละวิชา ได้แก่ ดนตรี ศิลปะ วิทยาศาสตร์ และมีครูผู้ช่วยคนไทย ที่มีใบอนุญาตครูผู้ช่วยเรียบร้อยแล้วอีกต่างหาก

ไฮไลต์อยู่ที่ค่าเทอม ดาต้าเบสแบบรัว ๆ พบว่า นักเรียนนานาชาติ หรือเรียกสั้น ๆ ว่านักเรียนอินเตอร์ ในไทยมี 70,000 คน อยู่ในกรุงเทพฯ 70% ต่างจังหวัด 30% จำนวนโรงเรียนมี 230 แห่งทั่วไทย กระจุกอยู่ในเชียงใหม่ 22 แห่ง จำนวนนักเรียนมีถึง 7,000 คน คิดเป็น 10% ของภาพรวมประเทศ รองจากกรุงเทพฯ และมากกว่าภูเก็ต

ถ้าหากการเลือกโรงเรียนให้ลูกเป็นการลงทุน เหตุผลที่ดีในการส่งลูกมาเรียนที่ Mill Hill หลักสูตรการเรียนการสอนสามารถเป็นใบเบิกทาง “ทันที” ในการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกในประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศชั้นนำอื่น ๆ เปรียบเทียบค่าเทอมในอังกฤษ ชั้นเรียนอนุบาลอยู่ที่ 7-8 แสนบาท/ปี เยียร์ 2 ขึ้นไป ค่าเทอมขยับขึ้น 10% แตะหลักล้านบาท/ปี ยังไม่นับรวมค่าครองชีพ ค่ากินค่าอยู่แยกอีกต่างหาก

“ผมก็เป็นผู้ปกครอง เรื่องค่าเทอมแน่นอนว่าเป็นปัจจัยหนึ่งในการตัดสินใจ ช่วงเริ่มต้นเราไม่ได้วางแพงเท่ากรุงเทพฯ โดยชั้นเรียนของเราตั้งแต่อายุ 3-18 ปี อยู่ระหว่าง 4-6 แสนบาท/ปี เรียนปีละ 3 เทอม การกำหนดค่าเทอมมาจากตัวเทียบ 22 โรงเรียนนานาชาติในเชียงใหม่ เราหยิบตัวเทียบ 10 โรงเรียน ซึ่งมีค่าเทอมเฉลี่ยที่ 3-6 แสน/ปี ฉะนั้น เราจึงไม่ได้ถูกที่สุด แต่ก็ไม่ได้แพงที่สุด”

คำถามมีอยู่ว่า อรสิรินสามารถปิดดีล Mill Hill ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน 200 กว่าปี มาเปิดโรงเรียนนานาชาติที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นการออกนอกประเทศอังกฤษเป็นแห่งแรกและครั้งแรกของ Mill Hill มีการกำหนดสัดส่วนสัญชาตินักเรียนไว้อย่างไร เพราะมีโอกาสที่ผู้ปกครองไทยจะแสดงความสนใจส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนที่นี่จำนวนมาก

คำตอบออกมาเป็นสูตรรักษาสมดุล เพื่อรักษาแวลูของการเป็นโรงเรียนนานาชาติอย่างแท้จริง จึงจำเป็นที่จะต้องให้มีความหลากหลายให้มากที่สุด เบื้องต้นกฎเหล็กอยู่ที่สัดส่วนนักเรียนไทย 30% นักเรียนจีน 30% และนักเรียนหลากสัญชาติอีก 40%... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/property/news-1539910

13/4/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 13 เมษายน 2567 )

ช่องยูทูปของ iCONS