พอลล์ กาญจนพาสน์ เปิดแผนพัฒนาอาณาจักรเมืองทองธานี 4,000 ไร่สู่สมาร์ทซิตี้ เผยปีหน้าถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหม่ เดินหน้าพัฒนาที่ดิน 600 ไร่ริมทะเลสาบรับรถไฟฟ้าสีชมพูเข้าอิมแพ็ค พ.ค.68 ทุ่ม 3.5 พันล้านผุดโรงแรมหรู 1,000 ห้อง รอโปรเจ็กต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ตั้งทีมบุกจีนเต็มสูบ ผนึก Live Nation ดึงอีเวนต์ระดับโลก ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านในปี 2030
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เปิดเผย ประชาชาติธุรกิจ ว่า บริษัทได้ทำแผนกลยุทธ์ใหม่และทำงานร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับเมืองทองธานีให้เป็น Smart City เต็มรูปแบบ และเตรียมรองรับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีชมพูเข้าเมืองทองธานี จำนวน 2 สถานีที่มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2568
ยกระดับพื้นที่ 4 พันไร่สู่ Smart City
นายพอลล์กล่าวว่า บริษัทมีแผนพัฒนาและต่อยอด Smart City ระยะเวลา 3 ปี โดยในเฟสแรกจะโฟกัสด้านการขนส่งผู้โดยสาร (Transportation) ด้วยการลงทุนติดตั้ง CCTV เทคโนโลยีอัจฉริยะทั้งหมดรวมกว่า 200 ตัว เพื่อติดตั้งภายในพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ของเมืองทองธานี รวมมูลค่าประมาณ 80-100 ล้านบาท ใช้ดาต้าเบสจากกล้อง CCTV เพื่อแก้ปัญหาและบริหารจัดการเรื่องการจราจรภายในพื้นที่ซึ่งเป็นปัญหาที่มีคนพูดถึงมากที่สุดก่อน
หลังจากนั้นจะนำดาต้าเบสที่เก็บแบบเรียลไทม์และระบบที่มีไปต่อยอดและช่วยบริหารจัดการในด้านอื่น ๆ ต่อไป เช่น การบริหารจัดการการใช้ไฟฟ้า การคำนวณจำนวนคนเข้า-ออกภายในพื้นที่ การคำนวณปริมาณรถภายในพื้นที่ ฯลฯ คาดว่าในเฟสแรกนี้จะแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2568
เราอยากเปลี่ยนชุมชนของเรา และเราก็พูดมาตลอดว่า Smart City คือไดเร็กชั่นที่เราต้องพัฒนา เพราะเราเป็นแลนด์ลอร์ดที่ดูแลพื้นที่ และมีพื้นที่ที่ต้องพัฒนาอีกมากมาย ฉะนั้นการทำเมืองให้เป็นเมืองที่ทันสมัยต้องมีแผนที่ชัดเจน นายพอลล์กล่าวและว่า
สำหรับระบบของ CCTV นั้นจะเหมือนกับการดูกูเกิลแมป เห็นว่าพื้นที่บริเวณไหนที่รถติดมาก ตรงไหนติดเบาบาง จุดไหนมีรถชน หรือมีรถเสีย รวมถึงรู้ว่ารถแต่ละคันที่เข้ามามีอัตราการวิ่งได้สปีดเท่าไหร่ ฯลฯ ซึ่งผลของดาต้านี้จะทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการการไหลลื่น หรือ Flow ของการจราจรในพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มีชีวิตที่สะดวกสบาย และมีความปลอดภัยด้วย
รถไฟฟ้า จุดเปลี่ยนครั้งใหม่
นายพอลล์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้การเชื่อมต่อของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ช่วงสถานีศรีรัช (ถนนแจ้งวัฒนะ) เข้าเมืองทองธานี จำนวน 2 สถานี คือ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (หน้าอาคารชาเลนเจอร์ 1) และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี (ด้านหน้าทะเลสาบ) ใกล้กับอาคารชาเลนเจอร์ 9-10 หรืออาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม มีแผนทดสอบการเดินรถในเดือนเมษายน 2568 และพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
การเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าเข้าสู่พื้นที่องเมืองทองธานีครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางและลดปัญหาจราจรที่หนาแน่นได้อย่างมีประสิทธิที่สุด
รถไฟฟ้าเราจะเปิดทันรองรับการจัดงานใหญ่อย่าง THAIFEX-ANUGA ASIA 2025 ที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม นายพอลล์กล่าวและว่า เมื่อบวกกับระบบ CCTV ที่จะติดตั้งเสร็จในเดือนมีนาคมจะยิ่งทำให้พื้นที่เมืองทองธานีหมดปัญหาเรื่องรถติดอย่างชัดเจน ขณะนี้เดียวกันยังทำให้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญของพื้นที่เมืองทองธานีอย่างชัดเจนอีกครั้ง
พัฒนาพื้นที่ 600 ไร่ริมทะเลสาบ
นายพอลล์กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมแผนพัฒนาพื้นที่ประมาณ 600 ไร่บริเวณริมทะเลสาบ เพื่อรองรับกับแผนการลงทุนเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี) ด้วยการลงทุนโครงการ Family Entertainment Complex หรือศูนย์รวมสถานที่พักผ่อนและบันเทิงสำหรับครอบครัว (มูลค่าราว 5,000-6,000 ล้านบาท) และมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
โครงการดังกล่าวนี้นอกจากส่วนที่เป็น Family Entertainment แล้วจะมีการลงทุนในส่วนของโรงแรมใหม่เพิ่มเติมอีกประมาณ 2,000 ห้อง ภายใน 5 ปี เพื่อรองรับการขยายพื้นที่ทางธุรกิจและนักท่องเที่ยวในอนาคต โดยเฟสแรกจะเดินหน้าโครงการด้วยการลงทุนในส่วนของโรงแรมจำนวนประมาณ 1,000 ห้อง มูลค่าการลงทุนประมาณ 3,500 ล้านบาทก่อน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปี 2568 (รอทำ EIA)
อิมแพ็คจะไม่ใช่แค่การสร้างฮอลล์จัดงานเพิ่มแล้ว แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการมาจัดงานอีเวนต์ด้วย อย่างโรงแรมที่ปัจจุบันเรามีอยู่ 2 แห่งคือ ไอบิส กรุงเทพ อิมแพ็ค และโนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค รวมห้องพักประมาณ 1,000 ห้อง ซึ่งตามแผน 5 ปี เราจะเพิ่มอีก 2,000 ห้อง ทำให้ในพื้นที่เมืองทองธานีของเรามีโรงแรมรองรับถึง 3,000 ห้อง นายพอลล์กล่าว
พร้อมปรับแผนรองรับ กาสิโน
สำหรับการดำเนินการโครงการแฟมิลี่เอ็นเตอร์เทนเมนต์นั้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามความคืบหน้าเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (กาสิโน) ของรัฐบาล เนื่องจากมองว่าพื้นที่เมืองทองธานีมีความเหมาะสมสำหรับการลงทุน เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า และพื้นที่สำหรับจัดแสดงนิทรรศการและคอนเสิร์ต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน
ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าพื้นที่ของเมืองทองธานีมีความพร้อมสำหรับการลงทุนโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนด้วยมากที่สุด โดยเฉพาะในด้านทำเลที่ตั้งและพื้นที่ที่กว้างขวาง ซึ่งหากรัฐบาลเลือกเราก็พร้อมปรับแผนธุรกิจรองรับได้ทันที นายพอลล์กล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม หากเมืองทองธานีไม่ถูกคัดเลือกให้รับไลเซนส์กาสิโน บริษัทก็พร้อมเดินหน้าโครงการแฟมิลี่เอ็นเตอร์เมนต์ตามแผนที่วางไว้ต่อไป
ตั้งทีมบุกตลาดจีนเต็มสูบ
นายพอลล์กล่าวต่อไปว่า สำหรับในส่วนของธุรกิจบริหารพื้นที่และจัดงานแสดงสินค้านั้น บริษัทยังเชื่อมั่นว่าภาพรวมยังเติบโตต่อเนื่องทั้งในส่วนของอิมแพ็คอารีน่า และชาเลนเจอร์ฮอลล์ และล่าสุดบริษัทได้ตั้งทีมเฉพาะกิจ China Task Force Team เพื่อเพิ่มรายได้จากตลาดจีนอย่างชัดเจน โดยจะทำตลาดทั้งในส่วนของการดึงผู้ประกอบการจากจีนเข้ามาจัดงานในประเทศไทย และการพาผู้ประกอบการฝั่งไทยไปเปิดตลาดจีน
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายฐานตลาดออกนอกประเทศของผู้ประกอบการที่มีแนวโน้มออกมาทำตลาดในเซาท์อีสต์เอเชียและไทยมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มรายได้จากตลาดจีนถึง 1,000 ล้านบาทภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันที่มียอดขายอยู่ประมาณ 100 ล้านบาท
เรามองว่าจีนมีขนาดตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพสูง ทั้งกลุ่มจัดแสดงสินค้าและอินเซนทีฟ ขณะเดียวกันยังเป็นการเปิดโอกาสในการเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยและจีนในด้านต่าง ๆ มากขึ้นด้วย
ผนึก Live Nation ดึงอีเวนต์โลก
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาร่วมทุนกับ Live Nation Entertainment เพื่อบริหาร IMPACT Growth REIT โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพการรองรับงานระดับนานาชาติและทัวร์คอนเสิร์ตระดับโลกให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งนำโนว์ฮาวที่มีอยู่มาช่วยในการบริหารจัดการสถานที่จัดงานในพื้นที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ให้มีประสิทธิภาพ รองรับการจัดงานระดับนานาชาติได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดคอนเสิร์ต งานแสดงสินค้า และการประชุมระดับโลก รวมถึงสามารถดูแลลูกค้าและคู่ค้าได้ดีขึ้น
เราคุยกันมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ก่อนวิกฤตโควิด และมองว่า Live Nation จะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางหลักสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตระดับโลก ที่สำคัญ อีเวนต์ระดับโลกที่เขามีอยู่จะเข้ามาจัดในพื้นที่ของอิมแพ็คทั้งหมดด้วย นายพอลล์กล่าว
ตั้งเป้าปี 2030 มีรายได้ 5 พันล้าน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับปี 2567 นี้ บริษัทตั้งเป้ามีรายได้รวม 2,100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่าพื้นที่และรายได้ที่เกี่ยวข้อง 500 ล้านบาท ร้านอาหารและบริการจัดเลี้ยง 1,000 ล้านบาท โรงแรม (โนโวเทล, ไอบิส) 400 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมการจัดการและรายได้อื่น 200 ล้านบาท
และได้ตั้งเป้าหมายมีรายได้รวมถึง 5,000 ล้านบาทในปี 2030 โดยธุรกิจที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้หลัก ๆ ประกอบด้วย รายได้จากตลาดจีนที่คาดว่าจะทะลุ 1,000 ล้านบาทได้ภายใน 3-5 ปี รายได้จากธุรกิจโรงแรมที่จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000 ห้อง และรายได้จากธุรกิจอาหาร จัดเลี้ยง ค่าเช่าพื้นที่และค่าธรรมเนียมการจัดและรายได้อื่น ตามลำดับ
21/12/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 21 ธันวาคม 2567 )