กาแฟพันธุ์ไทย สวนกระแสเศรษฐกิจ ประกาศลุยตามแผนเดิม ปี 2568 ทุ่มงบฯ 1,500 ล้านบาท ปูพรมกว่า 600 สาขาทั่วไทย ควบคู่กับการขยาย ก๋วยเตี๋ยวพันธุ์ไทย เพิ่มอีก 5 แห่ง พร้อมเปิดเกมรุกเขย่าตลาดเครื่องดื่มครั้งใหญ่ ด้วยการจับมือ กระทิงแดง ยักษ์ใหญ่เครื่องดื่มชูกำลัง รังสรรค์ 4 เมนูใหม่ ภายใต้แคมเปญ ดีดศาสตร์ เพื่อหวังเจาะกลุ่ม Gen Z โดยเฉพาะ มั่นใจสิ้นปี 2568 ยอดขายแตะ 5,800 ล้านบาท
นางสุขวสา ภูชัชวนิชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงมีความไม่แน่นอนจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ประกอบกับราคาเมล็ดกาแฟที่แม้จะมีการปรับตัวลงมา แต่ภาพรวมต้นทุนยังคงสูงอยู่ แต่บริษัทยังคงมีแผนเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้
เนื่องจากเราได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ไว้อย่างรอบด้าน ทั้งในแง่การบริหารต้นทุน และการทำสัญญาซื้อขายเมล็ดกาแฟล่วงหน้า จึงช่วยให้บริษัทยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบมากนัก
ทุ่ม 1.5 พันล้านผุด 600 สาขา
โดยในปี 2568 บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 600 สาขา แบ่งเป็น ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 35% และต่างจังหวัด 65% ภายใต้งบฯลงทุน ราว 1,500 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าการลงทุนต่อสาขาประมาณ 2.5 ล้านบาท
ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-1 มิ.ย. 2568 บริษัทได้เปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 233 สาขา ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,580 สาขา และคาดว่าสิ้นปี 2568 จะมีสาขาครบ 1,947 สาขาตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
รวมถึงยังมีแผนเดินหน้าขยายสาขา ร้านก๋วยเตี๋ยวพันธุ์ไทย ควบคู่ไปกับร้านกาแฟพันธุ์ไทยด้วยเช่นกัน โดยในปี 2568 ตั้งเป้าจะขยายเพิ่มอีก 5 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากปัจจุบันมีอยู่ 1 สาขา ที่รังสิต คลอง 3
ผนึกพลังสองขั้ว-ปลุกตลาด
นางสุขวสากล่าวต่อว่า ขณะที่ในส่วนของกลยุทธ์การทำตลาด เบื้องต้นในแต่ละปีกาแฟพันธุ์ไทยจะมีการออกแคมเปญอย่างน้อยปีละ 4 แคมเปญ ซึ่งหนึ่งในแคมเปญที่มีการจัดต่อเนื่องมาตลอดทุกปีก็คือ แคมเปญ ไทยดีเสิร์ช ที่จะมีการดึงเอาเมนูขนมหวานของไทยมาผสมผสานออกมาเป็นเมนูใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับกลุ่มลูกค้า
และล่าสุด ก็ได้มีการเปิดตัวแคมเปญใหม่ ดีดศาสตร์ ที่เป็นการจับมือกับ กระทิงแดง แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังชั้นนำของไทย ภายใต้กลุ่มธุรกิจ TCP ในการร่วมรังสรรค์ 4 เมนูใหม่ ได้แก่ ช้างยกกําลังทิง, ทิงซ่าโดดกําแพง, กำลังช้างสาว และช้างกระทืบงาน
ที่จะผสมผสานรสชาติอร่อยแปลกใหม่ของพันธุ์ไทยกับพลังของกระทิงแดง ให้ออกมาเป็นเครื่องดื่มที่อร่อย และสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะทั้งคนที่ต้องการพลังงาน คนรุ่นใหม่อย่างหนุ่มสาวออฟฟิศ และนักศึกษาที่มองหาเครื่องดื่มที่ให้ทั้งรสชาติและพลังงานได้มากยิ่งขึ้น
แม้ว่าเดิมทีการเข้าถึงเครื่องดื่มเพิ่มพลังงานอาจเป็นเรื่องท้าทายสำหรับบางกลุ่ม แต่เมื่อเรานำมาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ที่น่าสนใจ ก็คาดว่าจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น จากเดิมที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen X และ Gen Y แต่ปัจจุบันสัดส่วนในกลุ่ม Gen Z ก็เริ่มมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 1-2% ต่อปี
อัดกิจกรรมเอ็นเกจเมนต์-CSR
โดยเบื้องต้นในส่วนของแผนการสื่อสารการตลาดของแคมเปญ ดีดศาสตร์ หลัก ๆ จะเน้นการสร้าง Engagement กับกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม Road Show ที่ออกเดินทางไปเสิร์ฟประสบการณ์ความดีด อาทิ ตลาดนินจา ชลบุรี ตลาดเซฟวัน โคราช กับกิจกรรม ดีดศาสตร์ Challenge-ปลดปล่อยพลังความดีด ท้าทายทุกขีดจำกัด
ขณะที่ในส่วนของ In-Store Activities ก็จะมีการแจก Cup Sleeve ลาย Limited Edition ให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมโชว์ความดีด รวมถึงจะมีการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ดีดศาสตร์ : ส่งต่อพลังใจให้คนไทยไม่มีท้อ นำรายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่มดีดศาสตร์ทั้ง 4 เมนู ในช่วงเวลา 18.00-06.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1-31 ก.ค. 2568 ที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทย สาขาคลองหลวง 4 มามอบให้แก่มูลนิธิที่ต้องการพลังงานในการปฏิบัติภารกิจยามค่ำคืน เพื่อเป็นกำลังใจและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการดูแลผู้ป่วยและผู้ประสบภัย ตลอดเดือนกรกฎาคม 2568
โดยมั่นใจว่าแคมเปญนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างสีสันให้กับตลาดเครื่องดื่ม และจะช่วยเพิ่มยอดทราฟฟิกในร้านพันธุ์ไทยทั่วประเทศอย่างน้อย 20% ขึ้นไป หรือดันยอดขายเป็น 300 แก้วต่อวันต่อสาขา จากปัจจุบันมียอดการขายอยู่ที่ 200 แก้วต่อวันต่อสาขา
ปลุกตลาดชูกำลัง-เจาะคนรุ่นใหม่
ขณะที่ด้านนายวรวุฒิ พงศ์ชินภัค ประธานผู้บริหารสายงานขายและการตลาดประเทศไทย กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า การร่วมมือกับกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งเป็นแบรนด์ที่โฟกัสความเป็นไทยและมีความคิดนอกกรอบ ถือเป็นการทดลองสิ่งใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ยังไม่เคยทำการคอลแลบส์กับแบรนด์อื่น ๆ มาก่อน
ดังนั้น การร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของกระทิงแดงจะเป็นกลุ่มคนวัยทำงาน หรือกลุ่มเจน X และ Y เป็นหลัก
ขณะที่ภาพรวมรายได้ของกระทิงแดง เบื้องต้นมองว่าปีนี้จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานมูลค่า 22,000 ล้านบาท ที่คาดว่าปีนี้น่าจะโตเพียง 3-4% จากช่วงต้นปีคาดการณ์ไว้ว่าจะโต 6% เนื่องจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจ ส่วนเซ็กเมนต์พรีเมี่ยมของกระทิงแดง เบื้องต้นมองว่าจะยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 35% ภายในสิ้นปีนี้
มั่นใจสิ้นปีแตะ 5.8 พันล้าน
นางสุขวสากล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตามการผนึกกำลังระหว่างกาแฟพันธุ์ไทย และกระทิงแดงในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นการผสานจุดแข็งของสองแบรนด์ไทย เพื่อปลุกพลังและสร้างความคึกคักให้กับตลาดเครื่องดื่ม พร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นกำลังซื้อสำคัญในอนาคต
ซึ่งจากแผนการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีศักยภาพ การพัฒนาเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์เทรนด์ความต้องการของตลาด คาดว่าสิ้นปี 2568 บริษัทจะมีรายได้แตะ 5,800 ล้านบาท จากปีก่อนหน้ามีรายได้อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท
8/6/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 8 มิถุนายน 2568 )