เดอะ คอฟฟี่ คลับ โหมปลุกรายได้โค้งท้ายปี ผุดเมนูไฟติ้งชิงพนักงานออฟฟิศ พร้อมโปรโมชั่นโหลดแอปแลกเครื่องดื่มฟรีหวังปั้นฐานสมาชิกหน้าใหม่ มั่นใจยอดขายปี66 โต 40% และฐานสมาชิก 1.7 แสนคน ก่อนเล็งต่อยอดโมเดลเปิด 24 ชั่วโมงเจาะแหล่งท่องเที่ยวและโรงแรม
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ เชนร้านคาเฟ่และอาหารในเครือไมเนอร์ กล่าวว่า ช่วงโค้งท้ายของปี 2566 นี้ยังคงเป็นจังหวะสำคัญสำหรับธุรกิจร้านอาหาร เนื่องจากชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มจับจ่ายมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีช่องว่างจากการขาดร้านอาหารมื้อเช้าสำหรับนักท่องเที่ยว และมื้อกลางวันราคาจับต้องได้สำหรับพนักงานออฟฟิศ โดยช่วง 2 เดือนที่เหลือนี้
บริษัทจึงมุ่งดึงดูดลูกค้าด้วยยุทธศาสตร์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเมนูมื้อกลางวันในระดับราคาไฟติ้ง ในรูปแบบเซตพาสต้าพร้อมเครื่องดื่มในราคา 199 บาท เพื่อตอบโจทย์พนักงานออฟฟิศซึ่งจากการสำรวจพบว่ามักมีงบฯสำหรับอาหารมื้อกลางวันไม่เกิน 200 บาท
ขณะเดียวกันยังกระตุ้นการทดลองใช้บริการของลูกค้าหน้าใหม่ และเพิ่มยอดสมาชิกใหม่ไปพร้อมกันด้วยแคมเปญแจกสิทธิแลกรับเครื่องดื่มฟรี 2 แก้วสำหรับลูกค้าใหม่ที่ดาวน์โหลดแอป
คอฟฟี่คลับ ส่วนลูกค้าปัจจุบันจะได้สิทธิแลกเครื่องดื่ม 1 แก้ว
เครื่องดื่มโดยเฉพาะกาแฟเป็นสินค้าที่การทดลองดื่มเป็นปัจจัยสำคัญมาก เพราะช่วยเน้นย้ำความแตกต่างทั้งกลิ่นและรสชาติ จึงต้องเน้นสร้างโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองดื่มเพื่อชิงลูกค้าจากแบรนด์อื่นเข้ามา ซึ่งการผูกสิทธิกับการดาวน์โหลดแอปช่วยให้ได้ฐานสมาชิกใหม่ไปพร้อมกันแบบยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
พร้อมกันนี้ยังเพิ่มเมนูอาหารและเครื่องดื่มแนวสุขภาพมารับกระแสใส่ใจสุขภาพที่ยังคงมาแรงกลุ่มวัยทำงาน เช่น flat grill เมนูอาหารว่างสไตล์พิซซ่าที่มีปริมาณแป้งและน้ำมันน้อยลง เช่นเดียวกับเครื่องดื่ม อาทิ ชานมซีลอนใส่บุกบราวน์ชูก้า ชานมไข่มุกแบบหวานน้อยและใช้บุกทำเม็ดไข่มุกแทนแป้ง เป็นต้น
รวมถึงนำเมนูสุขภาพที่เคยเป็นเมนูแบบจำกัดเวลา อาทิ อาหารเช้ามังสวิรัติ สลัดเคลสด กาแฟปั่นนมอัลมอนด์และเวย์โปรตีน ฯลฯ มาเป็นเมนูถาวร
นอกจากนี้ยังเตรียมดึงดูดลูกค้าด้วยบรรยากาศของร้านผ่านการปรับลุกการตกแต่งและเมนูพิเศษในธีมเทศกาลที่กำลังจะมาถึงอย่าง วันลอยกระทง คริสต์มาส และเคานต์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ทั้งนี้ ผู้บริหารเดอะ คอฟฟี่ คลับ ย้ำว่า ด้วยยุทธศาสตร์เหล่านี้จะช่วยให้สิ้นปี 2566 นี้ บริษัทสามารถมีฐานสมาชิกเพิ่มจากประมาณ 9 หมื่นราย เมื่อสิ้นปี 2565 เป็น 1.5-1.7 แสนราย พร้อมกับผลักดันให้ยอดขายเติบโต 40% ตามที่ตั้งเป้าไว้แน่นอน
ส่วนทิศทางของเชนร้านคาเฟ่ในปี 2567 นั้น นางนงชนกกล่าวว่า อยู่ระหว่างศึกษาโอกาสต่อยอดโมเดลเปิดบริการ 24 ชั่วโมง ในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต หลังสาขาโรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีทแบงค็อก สุขุมวิท 55 ได้รับผลตอบรับดี โดยเฉพาะจากการทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการบุฟเฟต์อาหารเช้ากับแขกผู้พักโรงแรม ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้และสร้างการรับรู้กับทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทยในพื้นที่ 1-5 กิโลเมตรโดยรอบ
จุดแข็งของการเปิด 24 ชั่วโมงอยู่ที่การสามารถย้ำจุดเด่นของแบรนด์ที่แม้จะชื่อคอฟฟี่คลับที่สื่อถึงคาเฟ่ แต่จริง ๆ แล้วเป็นธุรกิจร้านอาหารหรือออลเดย์ไดนิ่งได้เต็มที่ด้วยเมนูอาหารเช้า อาหารกลางวัน น้ำชา-ขนมช่วงบ่าย อาหารเย็นไปจนถึงค็อกเทลช่วงหัวค่ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่บริษัทพยายามเน้นสร้างการรับรู้ในปี 2567
ขณะเดียวกันมีแผนขยายสาขาในโมเดลต่าง ๆ เพิ่มอีก 5-6 สาขา จากปัจจุบันมี 40 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 21 สาขา และจังหวัดท่องเที่ยวต่าง ๆ อีก 19 สาขา โดยประเดิมด้วยสาขา The PARQ ในเดือนมกราคม 2567 ที่จะถึงนี้
ควบคู่กับการสร้างการรับรู้ในฐานะร้านอาหารออลเดย์ไดนิ่ง ซึ่งมีเมนูอาหารและเบเกอรี่ นอกเหนือจากเครื่องดื่ม ด้วยการกระตุ้นให้ผู้ที่ใช้บริการทั้งรายใหม่และรายปัจจุบันดาวน์โหลดแอป เพื่อเป็นช่องทางสื่อสารโปรโมชั่นอย่างสม่ำเสมอ ดึงดูดให้มาทดลองทานอาหารและเบเกอรี่ รวมถึงจัดจุดชมชิมในแต่ละสาขาด้วย
เชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะช่วยให้บริษัทเติบโตต่อเนื่องในปี 2567 และย้ำตำแหน่งผู้นำร้านออลเดย์ไดนิ่งในกลุ่มผู้บริโภคทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แน่นอน ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ย้ำ
12/11/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 12 พฤศจิกายน 2566 )