สยามพารากอน เดินหน้าทรานส์ฟอร์มแลนด์มาร์กระดับโลก ทุ่ม 3,000 ล้านบาท ยกระดับสู่นิยามใหม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคต เนรมิตแพลตฟอร์มต้นแบบของโลก เชื่อมต่อโลกกายภาพกับโลกเสมือน ปักธงเสร็จสมบูรณ์กลางปี 2567 โชว์ผลประกอบการปี 2565 รายได้สูงกว่าปี 2562 เผยสินค้ากลุ่มลักเซอรี่ เติบโตแบบก้าวกระโดดติดอันดับโลก เผยแบรนด์ใหม่ ๆ เข้าคิว Waiting List นับ 100 แบรนด์
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นางสาวแคโรไลน์ เมอร์ฟีย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการขายและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา สยามพารากอนถือเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญระดับ World-class Global Destination และเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอสำคัญของกรุงเทพฯ มอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายเพื่อเสริมสร้างสีสันและชีวิตชีวาให้กับคนเมือง อีกทั้งยังเป็นโชว์เคสที่นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกสามารถเข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยของคนกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี
จุดหมายของ ลักเซอรี่แบรนด์
สยามพารากอนเป็นเวทีที่ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั้งกลุ่มลักเซอรี่แบรนด์และผู้ประกอบการไทย สามารถนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุด สินค้ากลุ่มลักเซอรี่แบรนด์ทุกประเภทได้รับการตอบรับอย่างดี สามารถสร้างยอดขายและอัตราเติบโตที่สูงเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก ส่งผลให้สยามพารากอนเป็นจุดหมายปลายทาง ของลักเซอรี่แบรนด์อย่างแท้จริง แบรนด์ดัง ๆ ได้ทยอยเปิดพื้นที่เป็น Pop-up Store ในสยามพารากอน เพื่อขายลิมิเต็ดคอลเล็กชั่นพิเศษเป็นครั้งแรกในเอเชียอยู่เสมอ
นางสาวแคโรไลน์กล่าวว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา สยามพารากอนสามารถสร้างรายได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ เติบโตมากกว่า 50% จากปี 2564 และสูงกว่าปี 2562 แม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ได้มีจำนวนมากเทียบเท่าก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มลักเซอรี่แบรนด์ที่สามารถสร้างยอดขายและมีอัตราเติบโตที่สูงตลอดระยะเวลา 3 ปี สะท้อนจากบรรดาแบรนด์หรูมุ่งหน้าตลาดเมืองไทยเป็นเวทีสำคัญในการเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์ หรือคอลเล็กชั่นใหม่เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความต้องการขยายพื้นที่และขยายสาขามากขึ้น
สอดรับกับแผนการลงทุนปรับโฉมใหม่ของสยามพารากอน เพื่อต้อนรับลักเซอรี่แบรนด์และแบรนด์ใหม่ ๆ อีกนับร้อยแบรนด์ที่อยู่ในรายชื่อ Waiting List โดยหลายแบรนด์จะเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยและมีแบรนด์ที่ Exclusive เฉพาะที่สยามพารากอนเท่านั้น ตอกย้ำความเป็น Luxury Destination ระดับโลกอย่างแท้จริง
ทุ่ม 3 พันล้าน สร้างปรากฏการณ์ค้าปลีก
นางสาวแคโรไลน์กล่าวว่า สยามพารากอนจะเป็นรังสรรค์แพลตฟอร์มต้นแบบใหม่ครั้งแรกของโลก (New Global Prototype) ที่จะเป็นเวทีให้ผู้ที่เป็นสุดยอดฝีมือในทุก ๆ ด้านมาร่วมกัน (Co-creation) เพื่อสร้างผลงานและประสบการณ์ระดับโลกเหนือความคาดหมาย โดยโครงการใหม่ที่กำลังเดินหน้าอยู่นี้ เรียกว่าเป็น The Next Level Evolution ที่จะสร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ของวงการค้าปลีกอีกครั้ง ในการทรานส์ฟอร์ม สยามพารากอน ทั้งอาคารบนพื้นที่ 5 แสนตารางเมตร ถือว่าเป็น Game Changing อย่างแท้จริงที่จะส่งผลให้ประเทศไทยผงาดบนเวทีโลกและครองความเป็นที่หนึ่งในใจของคนทั้งโลก
ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2564 สยามพารากอนได้เริ่มดำเนินการปรับโฉม พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ไปแล้วหลายชั้น ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2566 นี้ ดังนั้นสยามพารากอนจึงทุ่มงบประมาณเพิ่มเติมอีก 3,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพื้นที่ส่วนศูนย์การค้าทั้งหมด โดยได้เริ่มดำเนินการเป็นส่วน ๆ ตั้งแต่ปลายปี 2565 จะใช้เวลาภายใน 18 เดือนจากนี้ไป และมีกำหนดเสร็จสมบูรณ์ในช่วงกลางปี 2567
วิสัยทัศน์สู่การทรานส์ฟอร์ม
นางมยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวถึงวิสัยทัศน์การทรานสฟอร์มสยามพารากอนในครั้งนี้ว่า
นโยบายการทำธุรกิจของเราคือ Collaborate to Win เราเชื่อมั่นในศักยภาพไร้ขีดจำกัดของอีโคซิสเต็มที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ที่จะมาร่วมผนึกกำลังสร้างธุรกิจให้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ฉีกกฎและตำราเดิม ๆ ของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
สยามพารากอนจะไม่ได้เป็นเพียงศูนย์การค้าอีกต่อไป แต่จะเป็นแพลตฟอร์มเวทีระดับโลก ที่ให้ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนง ทั้งสถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร ผู้เชี่ยวชาญ ด้านศิลปะ เทคโนโลยี รวมทั้งผนึกกำลังกับผู้ประกอบการลักเซอรี่แบรนด์ทั่วโลก และผู้ประกอบการคนไทย มาร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) เชื่อมต่อแพลตฟอร์มทั้งบนพื้นที่ โลกกายภาพและโลกดิจิทัล ผ่าน OneSiam SuperApp และโลกเสมือนจริง (Metaverse) เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เพื่อเติมเต็มยกระดับชีวิตของผู้คนและผู้ที่มาเยือนให้ได้รับประสบการณ์ระดับโลกที่เหนือความคาดหมายในทุกมิติอย่างสมบูรณ์แบบ
นางมยุรีกล่าวว่า การยกระดับอีกมิติของการนำเสนอประสบการณ์เหนือความคาดหมายทั้งในศูนย์การค้าและในโลกดิจิทัล จะเพิ่มศักยภาพให้สยามพารากอนขยายฐานลูกค้าสู่ Global Citizen ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและเป็นการเติบโตด้วยความมั่นคง อย่างยั่งยืน โดยการสร้างพื้นที่ใหม่ ๆ เป็น cluster ที่มีสินค้า บริการ และกิจกรรมที่ตรงใจของคอมมิวนิตี้ต่าง ๆ โดยให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการสร้างคอมมิวนิตี้นั้น ๆ ให้สามารถแบ่งปันความคิด ความสนใจ หรือทำกิจกรรมและสร้างงานร่วมกันค้นพบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสร้างธุรกิจร่วมกันได้จากทุกที่บนโลกใบนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
ทั้งนี้ สยามพารากอนได้ต้อนรับคนทั่วโลก จึงมุ่งหวังที่จะให้เป็นสถานที่สร้างคอมมิวนิตี้ที่สมบูรณ์แบบของพลเมืองโลก การทรานส์ฟอร์มครั้งนี้ จึงจะเปิดให้ลูกค้าทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง โดยในระยะเวลาอันใกล้นี้สยามพารากอนจะเปิดพื้นที่สาธารณะ เพื่อรับฟังไอเดียของลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติทั่วโลกผ่านโครงการ Wall of Wonders ในรูปแบบ Interactive Wall ที่ลูกค้าสามารถแนะนำว่าปรารถนาจะได้เห็นความแปลกใหม่ในรูปแบบใดในสยามพารากอน โดยจะนำความคิดเห็นจากผู้คนทั่วโลกมารังสรรค์พื้นที่ต่าง ๆ
14/2/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 14 กุมภาพันธ์ 2566 )
