info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.117.96.26

ASW โชว์ครึ่งปีแรก ยอดขาย 7,169 ล้าน ลุยเพิ่ม 5 โครงการ 1.1 หมื่นล้าน

Residential News / ข่าวหมวดที่พักอาศัย

ASW-บมจ.แอสเซทไวส์ ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก 2566 ทำยอดขาย 7,169 ล้านบาท ตอกย้ำผู้นำตลาด Campus Condo และไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียม ครึ่งปีหลังเปิดตัวใหม่ 5 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท มั่นใจทุบสถิติเป้ายอดขายทั้งปี 15,000 ล้านบาท

วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้นำไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ-We Build Happiness”

เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง (Real Demand) ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว

สอดรับกับกลยุทธ์แอสเซทไวส์ ที่มุ่งเน้นตลาดคอนโดมิเนียมเจาะคนทำงานในเมือง (City Condo) ที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง และตลาดคอนโดฯรอบสถานศึกษา (Campus Condo) ที่มีความต้องการสูง

ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทสามารถทำยอดขายรวม (Presale) ได้สูงถึง 7,169 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทในปีนี้

ทั้งนี้ ยอดขายดังกล่าวมาจากแผนขับเคลื่อนธุรกิจในครึ่งปีแรก จากการเปิดตัวใหม่รวม 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 11,860 ล้านบาท

ประกอบด้วย โครงการเคฟ ป็อป ศาลายา (Kave Pop Salaya), เคฟ โคโค่ บางแสน (Kave Coco Bangsaen), แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน (Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin)

โมดิซ วอลท์ เกษตร-ศรีปทุม (Modiz Vault Kaset Sripatum), เคฟ เอ็มบริโอ รังสิต (Kave Embryo Rangsit), เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) และแอทโมซ ซีซั่น ลาดกระบัง (Atmoz Season Ladkranbang)

ทุกโครงการของบริษัท ล้วนได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และกลุ่มผู้ต้องการลงทุนคอนโดฯเพื่อรับผลตอบแทน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า การดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทยังคงขับเคลื่อนแผนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมาย โดยได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท

และเพื่อเป็นการขยายพอร์ตบ้านในแนวราบให้มีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้น เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวถึง 3 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับลักเซอรี่ พร้อม Pool Villa ส่วนตัวทุกหลัง

โดดเด่นด้วย 2 คลับเฮาส์ขนาดใหญ่ พื้นที่รวม 2,000 ตารางเมตร ได้แก่ Social Club สำหรับรับรองแขกที่มาเยือน และ Residential Club เฉพาะผู้พักอาศัยเพื่อความเป็นส่วนตัว

โดยบ้านทุกหลังยังมี Pool Villa ส่วนตัวพร้อมลิฟต์ทุกหลัง ราคาเริ่ม 40-60 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้ชมบ้านตัวอย่างในเดือน ก.ค.นี้

2.โครงการดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueang-Chaengwatthana) บ้านเดี่ยวราคา 12-20 ล้านบาท จำนวน 76 หลัง มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท

3.โครงการดิ อาเบอร์ รามอินทรา-วัชรพล (The Arbor Ramintra-Watcharapol) บ้านเดี่ยวราคา 9-20 ล้านบาท จำนวน 115 หลัง มูลค่าโครงการ 1,420 ล้านบาท

4.โครงการโมดิซ อาวองการ์ด (Modiz Avantgarde) จำนวน 751 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท

5.โครงการเคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) จำนวน 1,424 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากแผนงานดังกล่าวบริษัทมั่นใจจะสามารถทำยอดขายตามเป้าที่วางไว้ จำนวน 15,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน

“ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศครึ่งปีหลัง 2566 แม้ว่าจะยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ แต่ก็มีปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญอยู่หลายประการ

อาทิ การปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้จากเดิมร้อยละ 3.4 เป็นร้อยละ 3.9 จากการฟื้นตัวได้ดีของภาคท่องเที่ยวและภาคบริการ

โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2566 นี้จะอยู่ที่ 30 ล้านคน และจะกลับไปแตะระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปี 2567

รวมถึงการบริโภคของภาคประชาชนที่ฟื้นตัวได้ดีขึ้น ซึ่งก็ส่งผลดีกับตลาดคอนโดฯ Affordable โดยเฉพาะกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่คาดว่ายังคงมีความต้องการจากผู้ซื้อตามการฟื้นตัวของ” นายกรมเชษฐ์กล่าว

อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness”

ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 50 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์

ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และแบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 55,000 ล้านบาท

แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 37 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 13 โครงการ

ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 12,500 ล้านบาท

5/7/2566  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 5 กรกฎาคม 2566 )

ช่องยูทูปของ iCONS