ซิซซา กรุ๊ป บุกหนักครึ่งปีหลัง 2566 ขานรับรัฐบาลใหม่ แกรนด์โอเพนนิ่ง เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต หนุนภูเก็ตเป็นเมดิคัล ฮับ ของภูมิภาคอาเซียน ชูจุดขายบุคลากรทางการแพทย์ทั้งใน-ต่างประเทศ เครื่องมือทันสมัย พร้อมอัพเดตแผนลงทุนในภูเก็ต 4 โครงการ มูลค่า 8 พันล้านบาท
วันที่ 9 กรกฎาคม 2566 นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบ Investment Property (IP) ในจังหวัดภูเก็ต
เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน มีสัญญาณบวกตั้งแต่ปลายปี 2565 ถึงเดือนเมษายน 2566 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซัน ทำให้เป็นการกระตุ้นโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคักด้วย
โดยเฉพาะลูกค้ารัสเซีย ที่พบว่ามีสัดส่วนกลับมาซื้อถึง 80% เนื่องจากหนีภัยสงคราม มีดีมานด์ซื้อบ้านหลังที่สองในภูเก็ต โดยเฉพาะตลาดพูลวิลล่า ราคา 6-100 ล้านบาทขึ้นไป
ในขณะที่เทรนด์การลงทุนในปี 2566 มีการพัฒนาโครงการรูปแบบพูลวิลล่ามากขึ้น ทั้งจากผู้ประกอบการในท้องถิ่นและบิ๊กแบรนด์จากกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ราคา 7-30 ล้านบาท
ยุคหลังโควิด ตลาดพูลวิลล่าส่งสัญญาณดีมานด์ไหลกลับเข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง ทำเลยอดนิยม คือโซนลากูน่า หาดบางเทา หาดลายัน หาดราไวย์ และในหาน
ในด้านภาวะราคาที่ดิน ซึ่งเป็นต้นทุนในการพัฒนาโครงการว่า ช่วงโควิดจนถึงปัจจุบัน ราคาปรับเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ย 20% สถิตินิวไฮยังอยู่ในทำเลป่าตอง โดยที่ดินบางแปลงอยู่ที่ 200 ล้านบาท/ไร่
นายอรรถนพ กล่าวว่า แผนลงทุนในครึ่งปีหลัง 2566 ซิซซา กรุ๊ปมีการเปิดตัวทั้งหมด 4โครงการ รวมมูลค่า 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1.นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าลงทุน 3,300 ล้านบาท ศูนย์สุขภาพและความงาม กับรีสอร์ต 6 ดาว ปัจจุบันเปิดให้บริการในส่วนของโรงแรมแล้ว ส่วนเมดิคอลฯจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1/67
2.เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต ในพื้นที่ โรงแรม วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต โดยเฟสแรกใช้งบลงทุน 70 กว่าล้านบาท บนพื้นที่ 500 ตารางเมตร
3.พูลวิลล่า ทำเลหาดลายัน เบื้องต้นมีชื่อเรียกไม่เป็นทางการว่า รายัน วิลล่า โดยเฟส 1 ตั้งอยู่พื้นที่ 16 ไร่ จำนวน 26 หลัง ราคา 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 35-70 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท
4.ดิ เอท พูลวิลล่า เฟส 2 ทำเลอ่าวฉลอง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ ออกแบบเป็นวิลล่า จำนวน 60 หลัง ราคา 7-10 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600-700 ล้านบาท
ล่าสุด เปิดให้บริการในส่วนของ เพลนารีเวลเนส (Plenary Wellness) ศูนย์สุขภาพและความงามแบบองค์รวม มีบริการโปรแกรมตรวจสุขภาพเชิงลึก,เวชศาสตร์ชะลอวัย,กายภาพบำบัด และเวชศาสตร์ความงาม
สำหรับเฟส 2 จะเป็น Mens Health และ Women Health บริการดูแลสุขภาพทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั้งหมด
ส่วนเฟส 3 กำลังศึกษาโอกาสทางธุรกิจเพื่อเสนอบริการให้ตรงกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้ใช้บริการ ซึ่งตามแผนทั้งโปรเจกต์ที่มี 3 เฟส คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวม 300 ล้านบาท
เมดิคอลถือเป็นโปรดักส์ใหม่ในตลาดเวลเนสรีสอร์ตจะให้บริการเรื่องดูแลสุขภาพในโรงแรม อีกรูปแบบ คือ การให้บริการเชิงการแพทย์ ที่มีคลินิกเฉพาะทาง
ดังนั้น ซิซซากรุ๊ปนำ 2 รูปแบบมารวมกันเป็น เมดิคอล เวลเนส รีสอร์ต (Medical Wellness Resort) เน้นเวชศาสตร์ป้องกันให้มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงตลอด
ซิซซากรุ๊ปถือเป็นผู้ประกอบการรายแรกๆ ที่ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว โดยมีจุดแข็งในเรื่องบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศไทยและต่างประเทศ มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย ตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุด
นายอรรถนพกล่าวด้วยว่า ความคืบหน้าโครงการ วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต มีผลตอบรับที่น่าพอใจ โดยช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565-เมษายน 2566 ที่ผ่านมา มีอัตราการเข้าพักเกิน 90%
หลังจากนั้นเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซันในหน้าฝน ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2566 อัตราการเข้าพักลดลงมาอยู่ที่ 60-65% ส่วนใหญ่เป็นลูกค้านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด ได้แก่ ยุโรป จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง
วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต มีห้องชุดในโมเดล IP-Investment Program สำหรับลูกค้าซื้อเพื่อลงทุนสร้างผลตอบแทนการเช่า เหลือขายเพียง 10% ปัจจุบันราคาปรับขึ้นเป็นยูนิตละ 7.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการเต็มปี 2566 ของวินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต จะมีอัตราการเข้าพัก (Occupency rate) เฉลี่ยที่ 75% ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจ สามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ย 6-7%
อนึ่ง โครงการ วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท ตั้งอยู่ทำเลใกล้ชายหาดในหาน เนื้อที่รวม 11 ไร่ ออกแบบเป็นอาคาร 4 ชั้น จำนวน 12 อาคาร แบ่งเป็นห้อง 2 แบบ พื้นที่ใช้สอย 40-65 ตารางเมตร รวม 353 ยูนิต แบ่ง 4 อาคารบริหารในรูปแบบโรงแรมเต็มรูปแบบ กับ 8 อาคาร แบ่งขายเพื่อการลงทุน
บริหารการเข้าพักโดย วินแดม โฮเทล กรุ๊ป ล่าสุด มีการนำเสนอแคมเปญการตลาด เปิดให้ผู้สนใจร่วมลงทุน มูลค่าเริ่มต้น 1 ล้านบาท ก็สามารถเป็นเจ้าของร่วมได้ คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้เร็วๆ นี้
9/7/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 9 กรกฎาคม 2566 )
