ASW-แอสเซทไวส์ ขยายฐานตลาดสู่ภูเก็ต เข้าซื้อหุ้น 57% ในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE พร้อมทำ Tender Offer ต่อยอดการเติบโตสู่โรงแรมและท่องเที่ยวในอนาคต เตรียมพัฒนาโครงการบนที่ดิน 80 ไร่ มูลค่าโครงการ 14,000 ล้านบาท ตั้งเป้าดันรายได้ 10,000 ล้านบาทใน 3 ปี
วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้นำด้านไลฟ์สไตล์พร็อพเพอร์ตี้ ภายใต้แนวคิด ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ
เปิดเผยว่า ASW ได้ต่อยอดความสำเร็จสร้างการเติบโตที่เข้มแข็งให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการเข้าซื้อหุ้น บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE
เพื่อขยายฐานธุรกิจและฐานตลาดของ ASW ไปในทำเลที่มีศักยภาพสูง และมีความหลากหลายซึ่งจะเป็นการผลักดันรายได้ของ ASW ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 อนุมัติให้บริษัท 39 เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ASW ถือหุ้นร้อยละ 99.99
เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ TITLE ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ จำนวน 417,169,500 หุ้น ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 57.79 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ TITLE
จากผู้ถือหุ้นเดิม ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,042,923,750 บาท พร้อมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ TITLE (Tender Offer) ในลำดับต่อไป
โดย TITLE เป็นบริษัทอสังหาฯ ในจังหวัดภูเก็ตที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี พัฒนาอสังหาฯ ประเภทคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ The Title บนทำเลหาดในยาง, หาดราไวย์ และหาดบางเทา
และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า สามารถปิดการขายแล้วเกือบทุกโครงการ ปัจจุบัน มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา อาทิ THE TITLE V RAWAI ปิดการขายแล้ว 100% ทยอยโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 89%
และโครงการ THE TITLE HALO 1 NAIYANG เปิดการขายเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ณ ไตรมาส 2/66 มียอดขายแล้วกว่า 79% จาก 329 ยูนิต ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 1/67
ทางด้านการเงิน TITLE มีสถานะทางการเงิน และพื้นฐานธุรกิจที่ดี แม้ในช่วงโควิดที่ผ่านมา TITLE ก็ยังส่งมอบห้องชุดกับลูกค้าได้ตามสัญญา มีหนี้สินต่อทุนในระดับต่ำ มีโอกาสเติบโต และขยายธุรกิจได้อีกมาก
ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้น TITLE จะช่วยให้ ASW สามารถต่อยอด และขยายเข้าสู่ธุรกิจคอนโดฯ ในตลาดภูเก็ตได้ทันที เนื่องจาก TITLE มีที่ดินรอการพัฒนาอีก 80 ไร่
ในทำเลศักยภาพหาดในยาง, หาดราไวย์, หาดบางเทา สามารถพัฒนาโครงการในอนาคตได้ถึง 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 14,000 ล้านบาท
การเข้าลงทุนดังกล่าว ASW ยังได้ฐานลูกค้าและเครือข่ายเอเย่นต์ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงทีมผู้บริหารและพนักงานที่เข้าใจการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับชาวต่างชาติ พร้อมสร้างสรรค์และพัฒนาโครงการคุณภาพระดับสากล
ดีลธุรกิจนี้ วิน-วิน เรามองเห็นศักยภาพ ประสบการณ์ ความสามารถทีมผู้บริหาร และศักยภาพที่ดินในภูเก็ตของ TITLE ที่สำคัญ มุมมองในการทำธุรกิจของ ASW กับ TITLE มี DNA ที่คล้ายกัน
ทั้งการให้ความสำคัญกับ Facilities และฟังก์ชั่นในการอยู่อาศัย แผนการพัฒนาภาพใหญ่ของจังหวัดภูเก็ต การ Synergy ในครั้งนี้ จะช่วยให้ ASW ต่อยอดธุรกิจไปสู่กลุ่มโรงแรมและการท่องเที่ยวได้ในอนาคต
นายกรมเชษฐ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันตลาดท่องเที่ยวภูเก็ตฟื้นตัวถึงกว่าร้อยละ 80 เทียบกับยุคก่อนโควิด
โดยสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต วางกลยุทธ์ส่งเสริมการทำการตลาดท่องเที่ยวภูเก็ตไว้ 5 ด้านด้วยกัน คือ กลยุทธ์รักษาตลาดเป้าหมายเดิมไว้ เช่น ตลาดจีน รัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และยุโรป
ด้วยการออกไปทำตลาดส่งเสริมการขาย การออกไปทำโรดโชว์ในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก รวมถึงการเจาะตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลางในบางประเทศ
โดยภาคเอกชนมองว่า การท่องเที่ยวภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัว 100% ในปี 2567 ย่อมส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต โดย ASW ตั้งเป้ารายได้ของ TITLE ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2567-2569)
สำหรับ ASW พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ-We Build Happiness
ปัจจุบันพัฒนาโครงการสะสม 50 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์
ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แอทโมซ (ATMOZ), โมดิซ (MODIZ), เอสต้า (ESTA) และดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการ 55,300 ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมอยู่ 37 โครงการ กับโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 13 โครงการ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวม 11,400 ล้านบาท
12/7/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 12 กรกฎาคม 2566 )
