โค้งท้ายปี 2566 หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ได้เวลาเจียระไนไข่มุกอันดามัน จังหวัดภูเก็ต โดยปฏิบัติการล่าสุดเป็นของค่ายแสนสิริ บริษัทอสังหาริมทรัพย์มหาชนที่มีมูลค่าแบรนด์สูงสุดในวงการ อยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท และเพิ่งมีการประกาศยุทธศาสตร์ลงทุนพัฒนาโครงการในภูเก็ต ระยะ 5 ปี (2566-2570) ด้วยเป้าหมายเปิดตัว 16 โครงการใหม่ มูลค่ารวมสูงถึง 15,000 ล้านบาท
ในทางยุทธศาสตร์การลงทุน แผนธุรกิจ 5 ปีดังกล่าว เป็นการประกาศความชัดเจนว่า แสนสิริจะอยู่เคียงข้างชาวภูเก็ต สร้างสังคมยั่งยืน และตอกย้ำความมั่นใจทำเลเมืองภูเก็ต ในฐานะเมืองอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพเป็นเมืองระดับโลก
ไฮไลต์อยู่ที่แผนลงทุน 5 ปี มีการเตรียมความพร้อมไว้เสร็จสรรพในการเปิดตัว Sansiri Hub อย่างเป็นทางการรองรับการขยายตัวระดับภูมิภาค ต่อจิ๊กซอว์กลยุทธ์สานต่อความสำเร็จต่อเนื่อง 15 ปี ที่ได้มีการเปิดขายบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมรวมกัน 21 โครงการ มีมูลค่าสะสมเพียงจังหวัดเดียวสูงถึง 21,000 ล้านบาท
ดังนั้น กลยุทธ์เจียระไนภูเก็ตของแสนสิริ เมื่อนำมูลค่าสะสม 21,000 ล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา บวกกับการขยายเม็ดเงินลงทุนเพิ่มภายใน 5 ปีหน้า จึงคาดการณ์มูลค่าโครงการรวมแตะ 36,000 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าสูงเพียงพอที่จะตอกย้ำความมั่นใจทำเลภูเก็ตว่ามีศักยภาพเติบโตได้ไกล เป็นที่หมายตาทั้งนักท่องเที่ยวและนักลงทุนระดับโลก
เป้าลงทุนสะสม 3.6 หมื่นล้าน
ผู้บริหาร Key Person อภิชาติ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้นำกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย เปิดเผยว่า แสนสิริให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในหัวเมืองใหญ่อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตที่แสนสิริเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดอสังหาฯ ซึ่งได้กำหนดเป็น Strategic Location หรือพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญในการดำเนินธุรกิจ
ล่าสุดได้วางแผนกลยุทธ์ 5 ปี (2566-2570) เพื่อเปิดตัวโครงการใหม่รวม 16 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านแนวราบ 9 โครงการ และโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม 7 โครงการ
ที่สำคัญ แสนสิริพร้อมอย่างเต็มที่ในการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างการพูดคุยกับ business partner และผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อแสวงโอกาสในการลงทุนและพัฒนาโครงการร่วมกัน
แสนสิริเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมาอย่างยาวนาน เราได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตมากว่า 15 ปี ผ่านการลงทุนแล้ว 21 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนสะสม 21,000 ล้านบาท สามารถตอบโจทย์ได้ทุกกลุ่มลูกค้า ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ในทุกโปรดักต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ทุกทำเลในภูเก็ต เมื่อรวมกับโครงการใหม่ที่มีแผนลงทุนต่อเนื่องใน 5 ปี อีก 16 โครงการ ส่งผลให้แสนสิริมีโครงการรวมกันมากถึง 37 โครงการ มูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท นายอภิชาติกล่าว
นอกจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แล้ว แสนสิริยังมีความมุ่งมั่นตามแนวคิดการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยนำเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นต่าง ๆ มาผสานในการออกแบบโครงการ
อีกทั้งบริษัทมีความมุ่งมั่นร่วมสืบสานประเพณีสำคัญระดับโลก อย่าง ประเพณีถือศีลกินผัก ซึ่งนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภูเก็ต ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11
รวมถึงส่งเสริมเยาวชนในพื้นที่ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพผ่าน โครงการ Sansiri Academy ที่ได้ร่วมส่งเสริมสร้างทักษะการเล่นฟุตบอลให้กับเด็ก และเยาวชนในพื้นที่กว่า 5,000 คน เพื่อให้น้อง ๆ เยาวชนได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์จากการเล่นกีฬา และพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอล และฝึกซ้อมที่ถูกต้อง สามารถพัฒนาเป็นนักเตะมืออาชีพได้ในอนาคต
ที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กที่ภูเก็ต โดยจัดทริปนำอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไปร่วมลงพื้นที่ถ่ายทอดประสบการณ์ให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ยังได้วางแผนต่อยอดในการจัดการแข่งขันให้เยาวชนในพื้นที่ได้มีเวทีในการแสดงฝีเท้าในปี 2567 อีกด้วย
เมกะโปรเจ็กต์รัฐ 1.48 แสนล้าน
ภูเก็ต เป็นจังหวัดที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย เป็น World Class Tourist Destination และ World Class Investment Destination ทั้งนักลงทุนจากประเทศเอเชีย และยุโรป ที่มองหาการลงทุนอสังหาฯในภูเก็ตที่มีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี
ทั้งนี้ ข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ในช่วง 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2566) มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าภูเก็ตแล้วกว่า 8.2 ล้านคน มีรายได้รวมกว่า 2.6 แสนล้านบาท คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตถึง 10 ล้านคน สร้างรายได้รวมกว่า 3 แสนล้านบาท
ขณะที่ในด้านประชากร พบว่า ภูเก็ตมีประชากรในพื้นที่เกิน 1 ล้านคน จุดที่น่าสนใจคือ เป็นประชากรตามทะเบียนราษฎร 400,000 คน และประชากรแฝงสูงถึง 700,000 คน นอกจากจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวของภูเก็ตแล้ว ยังส่งผลดีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตตามไปด้วย
เห็นได้จากคอนโดมิเนียมของแสนสิริ ที่มียอดจำนวนผู้พักอาศัย (Occupancy Rate) สูงมาก รวมถึงตัวเลขความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการเดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต (THE BASE Bukit Phuket) ที่สามารถสร้างยอดขายในช่วงพรีเซลไปกว่า 50%
ส่วนภาพรวมตลาดบ้านแนวราบ ซึ่งมีโครงการ Pool Villa ที่เปิดขายทั่วไป และได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ทั้งรัสเซีย ยุโรป อเมริกา และจีน เป็นอย่างดีเช่นกัน
นอกจากนี้ ในอนาคตภาครัฐได้เตรียมแผนลงทุนพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตอย่างเร่งด่วน วงเงินลงทุนรวม 1.48 แสนล้านบาท ทั้งการขยายสนามบินภูเก็ต แผนการคมนาคมทั้งถนนและระบบราง ซึ่งจะก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ กระตุ้นให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ในพื้นที่ ส่งผลให้ภูเก็ตเติบโตอย่างก้าวกระโดด
แสนสิริพร้อมสนับสนุนการเติบโตของจังหวัดภูเก็ต ด้วยแผนยุทธศาสตร์การลงทุนระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
เช่นกัน โดยอย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของตลาดภูเก็ต ภายในปี 2567 แสนสิริได้วางแผนเปิดตัว Sansiri Hub หรือออฟฟิศของแสนสิริขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และจะเป็นฮับในภูมิภาค ที่พร้อมดูแลและให้บริการลูกค้าชาวไทยหรือต่างชาติในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง นายอภิชาติกล่าว
แบรนด์แวลูแสนสิริ 1.46 หมื่นล้าน
และเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสนสิริ ได้รับการคัดเลือกให้เป็น Most Valuable Real Estate Brand 2023 หรือ
แบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่าแห่งอนาคตสูงสุดประจำปี 2023 มู่งสู่การเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย และการเติบโตในระดับโลก อีกทั้งสะท้อนถึงความสามารถทางการแข่งขัน นอกเหนือจากตัวเลขทางด้านยอดขายและกำไร โดยมีมูลค่าแบรนด์อสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 1.46 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ แสนสิริยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำผู้นำแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้านในด้านการพัฒนาโปรดักต์ และการวางกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง ตอบโจทย์และตรงใจกับความต้องการของผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์ทั้งดีไซน์ ฟังก์ชั่น คุณภาพและบริการครอบคลุมทุกช่วงของการอยู่อาศัย พร้อมมุ่งนำเสนอไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มากกว่า
ตลอดจนส่งมอบมาตรฐานการดูแลเพื่อชีวิตดี ๆ ให้กับทุกคนในทุกวันกับแสนสิริ ภายใต้แนวคิด Sansiri Made for Life เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุก generation ทุก segment สอดคล้องตาม DNA คือ Speed to Market พร้อมรับฟังเสียงของ stakeholder และสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
3/12/2566 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 3 ธันวาคม 2566 )