ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศแผนธุรกิจปี 2567 เดินหน้าสู่การเป็น National Property Company เน้นเติบโตยั่งยืน ลงทุนเปิด 8 12 โครงการใหม่ มูลค่า 7,000 8,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 6,550 ล้านบาท เป้ารับรู้รายได้ 5,250 ล้านบาท งบจัดซื้อที่ดิน 1,500 ล้านบาท
วันที่ 30 มกราคม 2567 นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ Lalin ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 30 ปี กล่าวว่า ภาพรวมปี 2566 ที่ผ่าน ยังคงเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะสงคราม นโยบายควบคุมเงินเฟ้อของธนาคารกลางในหลายประเทศ
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัว 2.5% 3.5% แต่ยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง ทั้งในและต่างประเทศ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในหลายประเทศสำคัญทั่วโลก มาตรการกระตุ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
อย่างไรก็ดี ภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 มีปัจจัยบวก จากอัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่งและมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้ในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย การต่ออายุมาตรการภาครัฐ ลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะลูกค้า Real Demand ยังไปได้ บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 1,500 ล้านบาท มีแผนเปิด 8 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,000 8,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 6,550 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ที่ 5,250 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ ลลิลฯ เน้นย้ำแนวคิดในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน คำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และการดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG)
สำหรับแผนการตลาดปี 2567 มุ่งเน้นกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าโดยยึดหลัก Customer Centric ผ่านกลยุทธ์ Lifestyle Marketing และ Experience Marketing เสริมประสิทธิภาพด้วยการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ โดยการทำ Brand collaboration เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ
นอกจากนี้ เน้นการทำการตลาดผ่านช่องทาง Digital มากขึ้น ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบัน การนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights มุ่งสู่การเป็นองค์กรพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริหารงานภายใต้แนวคิด Agile Principles ใช้กลยุทธ์ดิจิทัลเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลง (Digital transformation)
นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่ม Real Demand พัฒนาผลิตภัณฑ์ Design Innovation และ Smart & Flexible Function นำรูปแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสที่เรียบหรู มาออกแบบบ้านสไตล์ฝรั่งเศส French Colonial Style เป็นรายแรก
บริษัทมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) 0.76 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.45 เท่า มีการใช้แหล่งเงินทุนที่หลากหลาย และบริหารความเสี่ยงทางการเงินอย่างรัดกุมมาโดยตลอด ล่าสุด บริษัทออกขายหุ้นกู้อายุ 2 ปี ดอกเบี้ย 3.80% ได้รับการตอบรับจากสถาบันเข้าลงทุนเต็มจำนวนที่ 500 ล้านบาท
30/1/2567 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 30 มกราคม 2567 )