info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.97.9.170

ปัญญ์ปุริผนึก Kose รุก ตปท. ปักธงขยายสาขาทั่วเอเชีย

Retails News / ข่าวหมวดห้างสรรพสินค้า

“ปัญญ์ปุริ” สานต่อความร่วมมือโคเซ่ ผนึกกำลังสปีดสาขาต่างประเทศ ปูพรมเจาะทำเลห้างใหญ่-สแตนด์อะโลนเมืองสำคัญ พร้อมปักธงแฟลกชิปภายใน 1-2 ปีนี้ ก่อนรุกเปิดตลาดแดนมังกร เผยผสานทีม R&D ปั้นสินค้านวัตกรรม ชิงโอกาสตลาดน้ำหอมเติบโตร้อนแรงทั่วโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้เติบโต 20-30% ต่อเนื่อง 5 ปี ก้าวขึ้นสู่แบรนด์ระดับภูมิภาคและระดับโลก

นายวรวิทย์ ศิริพากย์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ แบรนด์ปัญญ์ปุริ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทเตรียมต่อยอดการสนับสนุนจากโคเซ่ คอร์ปอเรชั่น (Kose Corporation) หลังเข้ามาถือหุ้นของปัญญ์ปุริ เมื่อปลายปี 2567 เพื่อสปีดการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ถือเป็นบ้านหลังที่สอง และการผสานโนว์ฮาวเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ตามเป้าหมายยกระดับธุรกิจสู่ตลาดระดับภูมิภาคและระดับโลก

โดยปี 2568 นี้ ธุรกิจน้ำหอมนิช (Niche Perfume) หรือน้ำหอมเฉพาะกลุ่ม และเวลเนส มีแนวโน้มเติบโตร้อนแรงทั้งในไทยและระดับโลก หลังผู้บริโภคทั่วโลกหันมาสนใจเรื่องกลิ่นมากขึ้น และเชื่อมโยงกลิ่นหอม-น้ำหอมเข้ากับการมีสุขภาพดี รวมถึงหันมาใช้น้ำหอมเพื่อความสบายใจและความผ่อนคลายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับผู้บริโภครุ่นใหม่ทั้งเจน Y และเจน Z ต่างหันมาใช้น้ำหอมในฐานะเครื่องสะท้อนตัวตน เสริมจากจุดประสงค์เรื่องกลิ่นมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ตลาดน้ำหอมมีแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงกว่าตลาดความงามโดยรวม และมีการแข่งขันกันใน 4 ด้านหลัก คือ กลิ่น, นวัตกรรมของตัวน้ำหอม, การบอกเล่าเรื่องราว และการออกแบบแพ็กเกจจิ้ง

ผนึก Kose รุก “ญี่ปุ่น-เอเชีย”

นายวรวิทย์กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มการเติบโตร้อนแรงของตลาดน้ำหอมและเวลเนส ในปี 2568 บริษัทจึงเดินหน้าสานต่อความร่วมมือกับโคเซ่ ใน 2 ด้าน คือ 1.การสนับสนุนการขยายสาขาปัญญ์ปุริเข้าไปในประเทศที่โคเซ่มีฐานธุรกิจอยู่แล้ว โดยเฉพาะในญี่ปุ่น ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีของโคเซ่กับเชนห้างสรรพสินค้า และเจ้าของพื้นที่ทั่วญี่ปุ่นจะช่วยให้สามารถปักธงสาขาในทำเลสำคัญ เช่น เชนห้างสรรพสินค้ารายหลัก ๆ ในเมืองต่าง ๆ ซึ่งปกติอาจต้องเจรจานานหลายปี รวมถึงทำเลสำหรับสาขาสแตนด์อะโลนต่าง ๆ ได้เร็วขึ้นมาก

ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเปิดสาขาแฟลกชิปแห่งแรกในญี่ปุ่นได้ภายใน 1-2 ปีนี้ พร้อมกับเดินหน้าขยายสาขาสำหรับเป็นจุดจำหน่ายสินค้า และสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นต่อเนื่อง เพื่อให้ปัญญ์ปุริมีธุรกิจที่แข็งแรง และการรับรู้แบรนด์ที่ชัดเจนในญี่ปุ่นภายใน 3-5 ปี

นอกจากนี้ ยังมีแผนสปีดการขยายสาขาในประเทศอื่น ๆ ด้วย เช่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ส่วนจีนแผ่นดินใหญ่นั้นเป็นตลาดสำคัญ แต่มีการแข่งขันสูงมาก จึงต้องใช้เวลาเตรียมตัวเป็นพิเศษ คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในปี 2569

และ 2.ความร่วมมือในการพัฒนาสินค้าด้วยโนว์ฮาวและนวัตกรรมใหม่ ๆ ของทีมวิจัยพัฒนาของโคเซ่ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในสินค้าหลากหลาย โดยเฉพาะด้านสกินแคร์ ทำให้ทีมวิจัยพัฒนาของปัญญ์ปุริพัฒนานวัตกรรมได้เร็วขึ้น ส่วนการผลิตจะยังคงใช้ฐานในไทย ซึ่งในระยะยาวอาจมีสินค้าอื่น ๆ นอกจากน้ำหอมเพิ่มเข้ามาด้วย เช่น สกินแคร์ และไลน์โปรดักต์อื่นเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการนำสินค้ามาจำหน่ายในช่องทางของแต่ละฝ่าย เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์ต่างมีตัวตนและแนวทางธุรกิจที่เฉพาะตัว ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญ ความร่วมมือจึงเป็นแบบสนับสนุนหลังบ้านให้ก้าวไปได้อย่างแข็งแกร่ง โดยไม่สูญเสียตัวตน

ยึดมั่น DNA ของปัญญ์ปุริ

นายวรวิทย์กล่าวด้วยว่า ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือกับโคเซ่ คือ ปัญญ์ปุริจะขยายสาขาได้เร็วขึ้นทั้งในญี่ปุ่น และระดับเอเชีย ศักยภาพด้านวิจัยพัฒนาและซัพพลายเชนจะแข็งแกร่งขึ้น รวมไปถึงเงินทุนที่พร้อมมากขึ้น ในขณะที่ความเป็นนิช และลักเซอรี่แบรนด์ จุดยืนด้านโฮลิสติกเวลเนส ตัวสินค้าที่สะท้อนความเป็นคราฟต์แมนชิป และความเป็นไทยยังคงเดิมแน่นอน

“เรามองหาพาร์ตเนอร์ที่มีประสบการณ์และมีศักยภาพที่จะสนับสนุนให้ปัญญ์ปุริออกไปสู่ตลาดระดับภูมิภาคและระดับโลกมานาน โดยการเลือกเป็นพาร์ตเนอร์กับโคเซ่ ก็เพราะวิสัยทัศน์และแนวทางธุรกิจสอดคล้องกัน เช่น ให้ความสำคัญกับคุณภาพและนวัตกรรม รวมถึงความลึกซึ้งในด้านวัฒนธรรม นอกจากนี้ โคเซ่ยังแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่เพียงเคารพ แต่ยังชื่นชมใน DNA ของปัญญ์ปุริ โดยผู้บริหารใหญ่ของ Kose ยืนยันว่า จะไม่เข้ามาเปลี่ยนแปลงเรา และพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่”

กางแผนโต 20% ต่อเนื่อง 5 ปี

นายวรวิทย์กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากการขยายสาขาแล้ว บริษัทยังเดินหน้าสร้างยอดขายและการเติบโตด้วยสินค้าที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม และการขยาย-อัพเกรดสาขาในประเทศไทย ตามกลยุทธ์สร้างเดสติเนชั่นด้านเวลเนสของไทย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์น้ำหอม โดยวางเป้าหมายรายได้เติบโต 20-30% ต่อเนื่อง 5 ปี หลังเมื่อปี 2567 ทำรายได้ถึง 1,100 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 หรือปี 2562 ที่มีรายได้ 400 ล้านบาทแล้ว

สำหรับแนวคิดสร้างเดสติเนชั่นนั้น เกิดจากความพยายามรับมือการแข่งขันกับอีคอมเมิร์ซ โดยดึงดูดให้ผู้บริโภคมาที่ร้านด้วยการสร้างจุดสนใจและประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากออนไลน์ โดยภายในแต่ละสาขาจะมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับโพซิชั่นของแบรนด์ เช่น การทดลองน้ำหอม, ศิลปะการจัดดอกไม้ และการบริการพิเศษ Art of Gifting ศิลปะการห่อของขวัญที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการทำบายศรี

รวมไปถึงการออกแบบร้านที่แต่ละสาขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน อาศัยความร่วมมือกับสถาปนิกและบริษัทออกแบบ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์เหมือนมาชมนิทรรศการช่วยให้ความสามารถในการสร้างรายได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังยกระดับกลยุทธ์นี้ไปอีกขั้น ด้วยการกำหนดวงรอบการรีโนเวตสาขาเดิมทุก 3-5 ปี เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์แปลกใหม่อยู่เสมอ ซึ่งในปี 2568 นี้ มีกำหนดรีโนเวตและเปิดสาขาใหม่ประมาณ 5 สาขา เน้นห้างสรรพสินค้าที่เปิดใหม่ รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต และเชียงใหม่ จากปัจจุบันมีสาขา 31 สาขาในไทย และอีก 15 ประเทศ

ย้ำผู้นำด้านกลิ่นและน้ำหอม

นายวรวิทย์กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนของสินค้าและนวัตกรรมใหม่ ๆ นั้น โคเซ่จะช่วยผลักดันออกมาได้มากขึ้น โดยยังอยู่ภายใต้แนวคิดย้ำความเป็นผู้นำด้านกลิ่นและน้ำหอม ตัวอย่าง เช่น เพอร์ฟูม ออยล์ น้ำหอมที่ไม่ใช้แอลกอฮอล์ แต่เป็นน้ำมัน ซึ่งนำโนว์ฮาวและแรงบันดาลใจของวิธีการใช้น้ำหอมแบบโบราณมาต่อยอด ให้เป็นน้ำแบบออยล์ที่ใช้ง่าย ซึมซับรวดเร็วและติดทนนาน จึงตอบโจทย์ และสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับผู้บริโภคได้

ทั้งนี้ การพัฒนาสินค้าจะใช้เวลา 1-2 ปี ทำให้ในปี 2569 จะมีนวัตกรรมน้ำหอมรูปแบบใหม่ออกมาอีก โดยผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือ โซลิด เพอร์ฟูม บาล์ม

19/3/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 19 มีนาคม 2568 )

Youtube Channel