รายงานข่าวจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เปิดเผยว่า สถานการณ์ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ของภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ และลำพูน
พบว่า โครงการบ้านจัดสรรภาพรวมยังคงชะลอตัวในทุกจังหวัด แม้มาตรการลดค่าโอนและจดจำนองที่อยู่อาศัยในระดับราคาต่ำกว่า 7 ล้านบาท ยังไม่สามารถกระตุ้นการซื้อขายได้ ขณะที่มีดีมานด์ซื้อห้องชุดตามโควตา 49% ของคนต่างชาติ กระตุ้นการซื้อขายอาคารชุดในเชียงใหม่ได้เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น
ส่งผลให้มีที่อยู่อาศัยพร้อมขายจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5 จำนวนหน่วยขายได้ใหม่ลดลงร้อยละ -17.6 ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยเหลือขายมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5
ยอดสะสม 5 จังหวัด 17,464 หน่วย มูลค่า 73,200 ล้าน
จากการสำรวจที่อยู่อาศัยภาคเหนือ 5 จังหวัด ซึ่ง REIC ดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557-ปัจจุบัน พบว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ภาพรวมมีที่อยู่อาศัยพร้อมขายสะสม 17,464 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 มูลค่า 73,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.5
แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 15,379 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 มูลค่า 66,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 และอาคารชุด 2,085 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 มูลค่า 6,487 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 โดยสัดส่วนร้อยละ 58.7 อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 10,250 หน่วย มูลค่ารวม 45,971 ล้านบาท
ร้อยละ 15.6 อยู่ในจังหวัดเชียงราย 2,724 หน่วย มูลค่า 10,700 ล้านบาท, ร้อยละ 15.1 อยู่ในจังหวัดพิษณุโลก 2,629 หน่วย มูลค่า 10,101 ล้านบาท, ร้อยละ 7.4 อยู่ในนครสวรรค์ 1,300 หน่วย มูลค่า 4,916 ล้านบาท และร้อยละ 3.2 อยู่ในจังหวัดลำพูน จำนวน 561 หน่วย มูลค่า 1,512 ล้านบาท
โครงการที่เปิดขายใหม่ มีจำนวน 1,955 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.6 มูลค่า 9,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.5 ประกอบด้วยบ้านจัดสรร 1,763 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 88.2 มูลค่า 9,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 99.6 อาคารชุด 192 หน่วย ลดลงร้อยละ -62.0 มูลค่า 493 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -65.3
โดยมียอดขายได้ใหม่ในภาพรวม 5 จังหวัด จำนวน 1,205 หน่วย ลดลงร้อยละ -17.6 มูลค่า 4,521 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -17.9 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 930 หน่วย ลดลงร้อยละ -25.9 มูลค่า 3,714 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -24.5 และอาคารชุด 275 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 มูลค่า 807 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.4
ส่งผลให้มีที่อยู่อาศัยเหลือขายใน 5 จังหวัดภาคเหนือ 16,259 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 มูลค่า 68,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 14,449 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 มูลค่า 62,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 อาคารชุด 1,810 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 มูลค่า 5,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.0
โดยสัดส่วนร้อยละ 58.3 อยู่ในเชียงใหม่ 9,483 หน่วย มูลค่ารวม 42,948 ล้านบาท, ร้อยละ 16.0 อยู่ในเชียงราย 2,594 หน่วย มูลค่า 10,245 ล้านบาท, ร้อยละ 15.4 อยู่ในพิษณุโลก 2,512 หน่วย มูลค่า 9,699 ล้านบาท, ร้อยละ 7.4 อยู่ในนครสวรรค์ 1,196 หน่วย มูลค่า 4,506 ล้านบาท และร้อยละ 2.9 อยู่ในลำพูน 474 หน่วย มูลค่า 1,281 ล้านบาท
เชียงใหม่เปิดใหม่ทั้งหน่วยและมูลค่าทรงตัว
ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดเชียงใหม่ สรุปโดยภาพรวมพบว่า ครึ่งปีหลัง 2567 มีที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งสิ้น 10,250 หน่วย ลดลงร้อยละ -3.7 มูลค่ารวม 45,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 8,299 หน่วย ลดลงร้อยละ -6.2 มูลค่า 39,721 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -1.2
และอาคารชุด 1,951 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 มูลค่า 6,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีหลัง 2566
โดยมีโครงการเปิดตัวใหม่ 1,336 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 มูลค่ารวม 6,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.1 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 1,144 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.0 มูลค่ารวม 5,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 74.3 และอาคารชุด 192 หน่วย ลดลงร้อยละ -62.0 มูลค่ารวม 493 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ -65.3
โดยมีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ในเชียงใหม่ 767 หน่วย ลดลงร้อยละ -15.2 มูลค่ารวม 3,024 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -16.3
แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 503 หน่วย ลดลงร้อยละ -27.9 มูลค่า 2,230 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -26.3 อาคารชุด 264 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 มูลค่า 794 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.4
โซนสันทราย-หางดง สต๊อกบวม 15,000 ล้าน
ทำเลที่มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่สูงสุดในจังหวัดเชียงใหม่ 5 อันดับแรก มีดังนี้
อันดับ 1 โซนสันทราย จำนวน 231 หน่วย มูลค่า 830 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนในเมืองเชียงใหม่ จำนวน 95 หน่วย มูลค่า 315 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนมหาวิทยาลัยพายัพ จำนวน 69 หน่วย มูลค่า 321 ล้านบาท
อันดับ 4 โซนหางดง จำนวน 57 หน่วย มูลค่า 313 ล้านบาท
อันดับ 5 โซนสันกำแพง จำนวน 49 หน่วย มูลค่า 182 ล้านบาท
ทำเลที่มีที่อยู่อาศัยเหลือขายสูงสุด 5 อันดับแรก
อันดับ 1 โซนสันทราย จำนวน 2,350 หน่วย มูลค่า 9,547 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนหางดง จำนวน 1,002 หน่วย มูลค่า 5,099 ล้านบาท
อันดับ 3 มหาวิทยาลัยพายัพ จำนวน 925 หน่วย มูลค่า 4,564 ล้านบาท
อันดับ 4 โซนสารภี จำนวน 879 หน่วย มูลค่า 4,046 ล้านบาท
อันดับ 5 โซนบ่อสร้าง-ดอยสะเก็ด จำนวน 876 หน่วย มูลค่า 3,924 ล้านบาท
เชียงราย 3 ทำเลดังเหลือขาย 10,000 ล้าน
ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดเชียงรายมีที่อยู่อาศัยเสนอขายทั้งสิ้น 2,724 หน่วย ลดลงร้อยละ -10.5 มูลค่า 10,700 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -11.0 เป็นบ้านจัดสรร 2,724 หน่วย มูลค่า 10,700 ล้านบาท โดยไม่มีการเปิดขายอาคารชุด
โครงการที่เปิดขายใหม่จำนวน 38 หน่วย ลดลงร้อยละ -66.7 มูลค่า 69 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -82.9 ล้านบาท หน่วยขายได้ใหม่มีจำนวน 130 หน่วย ลดลงร้อยละ -41.4 มูลค่า 455 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -43.1 ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 2,594 หน่วย ลดลงร้อยละ -8.1 มูลค่า 10,245 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -8.8
ทำเลที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่สูงสุดในจังหวัดเชียงราย 3 ทำเล มีดังนี้
อันดับ 1 โซนสนามบิน-มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จำนวน 65 หน่วย มูลค่า 202 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนในเมืองเชียงราย จำนวน 63 หน่วย มูลค่า 245 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนแม่สาย จำนวน 2 หน่วย มูลค่า 8 ล้านบาท
ทำเลที่มีที่อยู่อาศัยเหลือขายสูงสุด 3 ทำเล
อันดับ 1 โซนในเมืองเชียงราย จำนวน 1,351 หน่วย มูลค่า 5,844 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนสนามบิน-มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จำนวน 1,100 หน่วย มูลค่า 3,915 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนแม่สาย จำนวน 143 หน่วย มูลค่า 486 ล้านบาท
พิษณุโลกโซน ม.นเรศวรเหลือขาย 3,000 ล้าน
ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดพิษณุโลก มีที่อยู่อาศัยเสนอขาย 2,629 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 มูลค่ารวม 10,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2
แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 2,545 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 มูลค่า 9,993 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8 อาคารชุด 84 หน่วย ลดลงร้อยละ -8.7 มูลค่า 108 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -12.4
โดยมีโครงการเปิดตัวใหม่ 388 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 205.5 มูลค่ารวม 2,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 343.8 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 106 หน่วย ลดลงร้อยละ -39.1 มูลค่า 389 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -33.0 อาคารชุด 11 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 1,000 มูลค่า 13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 914.4
มีหน่วยเหลือขาย 2,512 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 มูลค่ารวม 9,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 เป็นบ้านจัดสรร 2,439 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.0 มูลค่า 9,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.8 และอาคารชุด 73 หน่วย ลดลงร้อยละ -19.8 มูลค่า 95 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -22.2
ทำเลที่มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่สูงสุดในจังหวัดพิษณุโลก 3 อันดับแรก มีดังนี้
อันดับ 1 โซนพลายชุมพล จำนวน 26 หน่วย มูลค่า 76 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนหัวรอ จำนวน 25 หน่วย มูลค่า 94 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนมหาวิทยาลัยนเรศวร-ท่าทอง จำนวน 18 หน่วย มูลค่า 97 ล้านบาท
ทำเลที่อยู่อาศัยเหลือขายสูงสุด 3 อันดับแรก
อันดับ 1 โซนมหาวิทยาลัยนเรศวร-ท่าทอง จำนวน 613 หน่วย มูลค่า 3,618 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนหัวรอ จำนวน 492 หน่วย มูลค่า 1,966 ล้านบาท
อันดับ 3 บึงพระ จำนวน 318 หน่วย มูลค่า 623 ล้านบาท
นครสวรรค์ 3 ทำเลเด่นเหลือขาย 4,000 ล้าน
ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดนครสวรรค์ มีหน่วยเสนอขาย 1,300 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 147.6 มูลค่า 4,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 150.1
แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 1,250 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 138.1 มูลค่า 4,788 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 143.5 อาคารชุด 50 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.6 มูลค่า 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 107.9
มีโครงการขายได้ใหม่ 16 หน่วย ลดลงร้อยละ -63.6 มูลค่า 30 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -76.6 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 16 หน่วย ลดลงร้อยละ -63.6 มูลค่า 30 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -76.6 ไม่พบโครงการอาคารชุด
มีหน่วยขายได้ใหม่ 104 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.6 มูลค่า 410 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.4 ทั้งหมดเป็นบ้านจัดสรร
และมีหน่วยเหลือขาย 1,196 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 168.2 มูลค่า 4,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 169.8 แบ่งเป็นบ้านจัดสรร 1,146 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 157.0 มูลค่า 4,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 162.1 อาคารชุด 50 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.5 มูลค่า 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 139.4
ทำเลที่มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่สูงสุดในจังหวัดนครสวรรค์ 3 อันดับแรก มีดังนี้
อันดับ 1 โซนดรีมแลนด์ จำนวน 46 หน่วย มูลค่า 248 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนท่าทอง จำนวน 36 หน่วย มูลค่า 96 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนตะเคียนเลื่อน จำนวน 10 หน่วย มูลค่า 31 ล้านบาท
มีที่อยู่อาศัยเหลือขายสูงสุด 3 อันดับแรก
อันดับ 1 โซนดรีมแลนด์ จำนวน 443 หน่วย มูลค่า 2,171 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนท่าทอง จำนวน 358 หน่วย มูลค่า 1,119 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนตะเคียนเลื่อน จำนวน 229 หน่วย มูลค่า 733 ล้านบาท
ลำพูนเหลือขายรอบนิคมอุตสาหกรรม 800 ล้าน
ตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดลำพูน ภาพรวมมีหน่วยเสนอขาย 561 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 มูลค่า 1,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.4 เป็นบ้านจัดสรร 561 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.8 ไม่พบโครงการอาคารชุด
โดยเป็นโครงการเปิดขายใหม่ 177 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 785 มูลค่า 445 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 916.2 ทั้งหมดเป็นบ้านจัดสรร
มีโครงการขายได้ใหม่ 87 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 มูลค่า 230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.8 และมีหน่วยเหลือขาย 474 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.4 มูลค่า 1,281 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.8 ทั้งหมดเป็นโครงการบ้านจัดสรร
ทำเลที่มีที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่สูงสุดในจังหวัดลำพูน 3 อันดับแรก มีดังนี้
อันดับ 1 โซนสหพัฒน์ จำนวน 40 หน่วย มูลค่า 114 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนนิคม ลำพูน-บ้านม้า จำนวน 29 หน่วย มูลค่า 70 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนโรงพยาบาลลำพูน จำนวน 18 หน่วย มูลค่า 45 ล้านบาท
มีที่อยู่อาศัยเหลือขายสูงสุด 3 อันดับแรก
อันดับ 1 โซนสหพัฒน์ จำนวน 290 หน่วย มูลค่า 817 ล้านบาท
อันดับ 2 โซนโรงพยาบาลลำพูน จำนวน 103 หน่วย มูลค่า 270 ล้านบาท
อันดับ 3 โซนนิคม ลำพูน-บ้านม้า จำนวน 81 หน่วย มูลค่า 194 ล้านบาท
25/4/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 25 เมษายน 2568 )