นิคมอุตสาหกรรมอารยะโชว์ดีลนักลงทุนสนใจเกือบ 1,000 ไร่ หลังเปิดตัวแค่ 2 เดือน เผยนักลงทุนทุกกลุ่มไฮเทค ทั้งเซมิคอนดักเตอร์ EV Data Center เจรจาเรียบร้อย คาดหมายปิดดีลซื้อที่ดินลงทุนปลายปี 2568 พร้อมโอนที่ได้ต้นปีหน้าแสนล้านบาท พร้อมลุยปราจีนฯต่อ รอท่า EEC
นางสาวกมลกาญจน์ คงคาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทประกาศแผนการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมอารยะเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา ขนาดพื้นที่ 1,891 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลบางพลีน้อยและตำบลบ้านระกาศ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โดยเป็นความร่วมมือระหว่างบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) และบริษัท นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย จำกัด หรือเอเชีย อินดัสเตรียล เอสเตท
ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนสนใจซื้อพื้นที่จำนวนมาก เป็นอุตสาหกรรมขั้นสูงที่อยู่ระหว่างการเจรจา อย่างเช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เซมิคอนดักเตอร์ ยา โลจิสติกส์ รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ และคาดว่าจะตกลงการซื้อขายพื้นที่ในนิคมได้ประมาณปลายปี 2568 และโอนที่ดินได้ภายในปี 2569
ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนของการขอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ต้นปีหน้าน่าจะเห็นการลงทุนที่ชัดเจนจากนักลงทุนที่ได้คุยอยู่ มูลค่ากว่าแสนล้านบาท
นิคมดังกล่าวถือว่าเป็นพื้นที่โซนสีม่วงแปลงใหญ่สุดท้ายที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯที่สุด ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 32 ของถนนบางนา-ตราด จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเชื่อมต่อสู่มอเตอร์เวย์ไปยังพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้สะดวก ซึ่งมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถดึงดูดบริษัทชั้นนำทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมีมูลค่า 11,350 ล้านบาท และคาดว่าจะดึงดูดการลงทุนโรงงานอีก 58,240 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นดึงดูดการลงทุนจากบริษัทใหญ่ในประเทศไทยและต่างประเทศที่เป็น S-Curve ซึ่งขณะนี้นักลงทุนที่มาไทยมีความหลากหลาย ทั้งไต้หวัน จีน และยุโรป แต่นิคมแห่งนี้ถือว่าเป็นแปลงใหญ่สุดท้ายอยู่ใกล้กรุงเทพฯที่สุด ในส่วนของ กนอ. จะมุ่งพัฒนาที่ดินที่คาดว่าจะสามารถอนุมัติที่ดินใหม่ได้ในปีนี้ 50,000 ไร่ และเชื่อว่าการลงทุนทั้งหมดนี้จะสามารถเพิ่ม GDP ได้ 1%
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่รองรับการลงทุนแห่งใหม่ หลังจากที่รัฐบาลมีแผนขยายพื้นที่ EEC ไปยังจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะมีจำนวนพื้นที่ที่พร้อมด้านการลงทุนและสาธารณูปโภคอีกกว่าหมื่นไร่ เนื่องจากพื้นที่ EEC มีพื้นที่รองรับค่อนข้างเต็ม และเราจะได้อานิสงส์จากการที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีในหลายประเทศ จากนี้ประเทศไทยจะเห็นการรองรับการลงทุนจากต่างประเทศที่มาจากฝั่งเอเชียเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น และจะเห็นฝั่งยุโรปเช่นกัน
ตอนนี้ยังมีพื้นที่ที่เป็นของ กนอ.พัฒนาอยู่ 10,000-20,000 ไร่ และยังมีคำขอค้างอยู่อีกกว่า 40 แปลง หรือประมาณ 1 แสนไร่ ซึ่งถ้าตรงส่วนนี้สำเร็จเราก็จะได้การลงทุนเข้ามาเติมอีก
28/4/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 28 เมษายน 2568 )