info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.226.96.61

Move Forward “AWC” 5 ปีลงทุนขยายพอร์ต 1.26 แสนล้าน

Hotel News / ข่าวหมวดโรงแรม

ปี 2566 AWC สร้างการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย ทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ประมาณ 6,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติกว่า 14,000 ล้านบาท

ถือเป็นปีที่แข็งแกร่งมาก ๆ มีรายได้รวม 19,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.9 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 และมากกว่าปี 2562 (ก่อนสถานการณ์โควิด-19) และยังเป็นปีที่มีผลการดำเนินงานที่ทำนิวไฮสูงสุดใน 5 ด้านคือ 1.กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดถึง 5,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน

2.มีกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) สูงถึง 10,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.6 3.รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตสูงสุดที่ 3,658 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.8 4.มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate : ADR) เท่ากับ 5,661 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และ 5.สร้างการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินได้ถึงกว่า 20,000 ล้านบาท

“วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ให้สัมภาษณ์ว่า AWC เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าในปี 2567 นี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้วนักท่องเที่ยวทั่วโลกยังนิยมประเทศไทย และมั่นใจว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจไทย

ดังนั้น เพื่อสร้างการเติบโตตามกลยุทธ์ (GROWTH-LED Strategy) รวมถึงสร้างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่โดดเด่นและสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยั่งยืนของไทยอย่างต่อเนื่อง AWC จึงต้องวางแผนเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นทุกปี

แผน 5 ปีลงทุน 1.26 แสนล้าน

“วัลลภา” บอกว่า จากการฟื้นตัวอย่างชัดเจนของภาคการท่องเที่ยว ล่าสุด AWC ได้ปรับแผนการลงทุน 5 ปี (2565-2569) มูลค่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นแผนเดิมที่วางไว้หลัง IPO เป็นแผน 5 ปี (2567-2571) รวมมูลค่าลงทุนกว่า 1.26 แสนล้านบาท เนื่องจากมีโครงการที่อยู่ในแผนลงทุนเพิ่มมากขึ้น และมีกระแสเงินดีขึ้น

โดยปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ในแผน (Pipeline) รวมกว่า 70 โครงการ เป็นโครงการของ AWC เองราว 50 โครงการ และโครงการที่เป็นสัญญาให้สิทธิอีกราว 20 โครงการ ส่วนใหญ่ยังอยู่ในพื้นที่เมืองท่องเที่ยวหลัก

“เรามีโครงการที่ต้องลงทุนในแต่ละปีเพิ่มขึ้น เช่น ปี 2566 ที่ผ่านมาปีเดียวเราลงทุนไปกว่า 20,000 ล้านบาท เช่น การเปิดโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล ซึ่งเป็นโรงแรมระดับลักเซอรี่ ภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งแรกของภาคเหนือ การเปิดโรงแรม เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล โรงแรมระดับพรีเมี่ยมที่ใหญ่ที่สุดสำหรับตลาดไมซ์ในภูมิภาค และการเปิดโรงแรมอินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท แบรนด์อินน์ไซด์แห่งแรกในประเทศไทย”

นอกจากนี้ ยังเปิดห้องอาหาร เดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์ ห้องอาหารเดอะ สยาม ที รูมท์ ห้องอาหารเอเชียทีค แอนเชี่ยนท์ ที เฮ้าส์ ห้องอาหาร คิสซึอิเซน ห้องอาหารเย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์ และร้าน Cafe Pittore

รวมถึงการเข้าซื้อหุ้นกิจการ โรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก เพื่อเตรียมพัฒนาเป็นโรงแรมระดับลักเซอรี่ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา นิวยอร์ก ที่จะเชื่อมกับโครงการโรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ในประเทศไทย

ปี 2567 ลงทุน 3.6 หมื่นล้าน

สำหรับการลงทุนในปี 2567 นี้ “วัลลภา” บอกว่า มีมูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ 19,000 ล้านบาท โดยโครงการหลักคือ การเปิดโรงแรมใหม่อีก 3 แห่ง ได้แก่ อาทิ โรงแรมแฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท โรงแรมพัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา และโรงแรมระดับลักเซอรี่ ไลฟ์สไตล์ ในพัทยาอีก 1 แห่ง

รวมถึงการเปิดตัว “The Journey of A River” by The Okura Prestige Bangkok ที่จะมาร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ของการรับประทานอาหารอันมีเอกลักษณ์บนสายน้ำเจ้าพระยา เชื่อมต่อประสบการณ์ภายใต้แนวคิด “The Journey of A River”

และโครงการของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ อาทิ โครงการ EA Rooftop at The Empire จุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มบนรูฟท็อปที่ใหญ่ที่สุด, EA Gallery แหล่งรวมร้านอาหารนานาชาติกับทัศนียภาพที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ, EA CHEF’S TABLE แหล่งรวมร้านอาหารโดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ 3 แห่ง และห้องอาหาร Nobu Bangkok แห่งแรกและแห่งเดียวในไทย และยังเป็นห้องอาหารที่สูงที่สุดในโลก

โครงการ THE PANTIP LIFESTYLE HUB ที่เชียงใหม่ แลนด์มาร์กสำหรับกิจกรรมความสนุกหลากหลาย ศูนย์รวม Food Lounge ในบรรยากาศธรรมชาติ และแหล่งไลฟ์สไตล์สำหรับครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ลานนาทีค” (Lannatique Destination) จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการ AEC FOOD WHOLESALE PRATUNAM

และการพัฒนาเพื่อเสริมจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ให้กับกลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน อาทิ การเปิด “The Empire Residence” พื้นที่ Co-Living Space กว่า 1,500 ตร.ม. ที่มีขนาดใหญ่และไม่เหมือนใครที่อาคาร “เอ็มไพร์” สาทร

“วัลลภา” บอกด้วยว่า ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ เพื่อเข้าลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์บนพื้นที่ไพรมโลเกชั่นใน 2 จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ จำนวน 3 โครงการใหญ่ รวมมูลค่า 17,000 ล้านบาท

ประกอบด้วย 1.ลงทุนในโครงการ “โอพี การ์เด้น” ย่านบางรัก เพื่อเชื่อมกับโครงการแฟลกชิป โรงแรมเดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อส่งเสริมจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวริมน้ำ คาดว่าจะเปิดดำเนินการในไตรมาสที่ 4 ปี 2570

2.โครงการโรงแรมในพื้นที่ถนนสุขุมวิท 38 เพื่อพัฒนาโครงการลักเซอรี่โฮเทลด้านเวลเนส คาดจะเปิดดำเนินการไตรมาสที่ 3 ในปี 2571 และ 3.เข้าลงทุนเพิ่มในพื้นที่ช้างคลานใจกลางเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Lannatique Destination” เมกะโปรเจ็กต์ในอนาคต เพื่อร่วมสนับสนุนจังหวัดเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก

เพิ่มพอร์ต “พัทยา-เชียงใหม่”

“วัลลภา” ยังบอกอีกว่า ปัจจุบันพอร์ตสินทรัพย์และรายได้หลักของ AWC กว่าร้อยละ 60 อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ แต่แผนการขับเคลื่อนในอนาคต หรือ Move Forward คือการเพิ่มพอร์ตสินทรัพย์และรายได้ในพื้นที่พัทยา (ชลบุรี) และเชียงใหม่ เป็นหลัก

โดยในพื้นที่พัทยาเป็นการลงทุนในโครงการอควอทีค พัทยา (Aquatique Destination) เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บริเวณพัทยากลาง (เดิมเป็นโรงแรมแกรนด์ โซเล่ พัทยา) ภายใต้งบฯลงทุน 20,000-30,000 ล้านบาท ซึ่งมีแผนพัฒนาให้เป็น Iconic ของเมืองพัทยา

ประกอบด้วย โรงแรมประมาณ 5 แบรนด์ ศูนย์เวลเนส ศูนย์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และกีฬาครบวงจร เช่น เจดับบลิวแมริออท มาร์คีย์, คิมป์ตัน พัทยา, ออโตกราฟ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีโครงการแมริออท แอนด์ สปา จอมเทียน, บันยันทรี (พื้นที่ 150 ไร่ ตรงข้ามสวนนงนุช) และมีแผนพัฒนาโครงการที่เป็น All Inclusive อีก 1 โครงการ (ที่ดิน 20-30 ไร่) ใกล้กับโรงแรมเมอเวนพีค พัทยา

เช่นเดียวกับในพื้นที่เชียงใหม่ที่มีโครงการลานนาทีค (Lannatique Destination) ซึ่ง AWC มีแผนพัฒนาให้เป็นแลนด์มาร์กใหม่ด้านการท่องเที่ยว การพักผ่อน และไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของเชียงใหม่ และเป็นเดสติเนชั่นใหม่ของโลก

โดยโครงการดังกล่าวนี้มีมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท บนที่ดินกว่า 100 ไร่ ครอบคลุมตั้งแต่ถนนช้างคลาน ไนท์บาซาร์ ตลาดอนุสาร ไปจนถึงริมแม่น้ำปิง ซึ่งปัจจุบันพัฒนาโรงแรมไปแล้ว 3 แห่งคือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล (ปรับโฉมจากโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง) โรงแรมแมริออท เชียงใหม่ (รีแบรนด์จากเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่) โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่

และโครงการเดอะ พันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ (ปรับโฉมจากพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่) ส่วนอื่น ๆ อยู่ระหว่างการทยอยพัฒนา เช่น SIEM PAKDEE (ดีไซน์ โฮเทล) บ้านโบราณ (Ancient House) เชียงใหม่ พัฒนาเป็น ลักเซอรี่ บูทีค โฮเทล BAAN K SIRIN พัฒนาเป็นโรงแรมเพื่อสุขภาพ (Wellness Hotel) เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ก็ยังมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

4/3/2567  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 4 มีนาคม 2567 )

Youtube Channel