info@icons.co.th 02 810 8892-6 18.97.9.170

‘ออริจิ้นฯ’ พักฐาน ตั้งเป้ายอดขาย 30,000 ล้าน เป้ารายได้ 14,000 ล้าน

Residential News / ข่าวหมวดที่พักอาศัย

ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศแผนธุรกิจปี 2568 ชูกลยุทธ์ Resilience Leads To Sustainable Growth คุมธีมลงทุน 7 ข้อ สร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เปิด 11 โครงการใหม่ รวม 20,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 30,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 14,000 ล้านบาท มุ่งสร้าง รายได้และกำไร ระยะยาว

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดโครงสร้างธุรกิจให้ชัดเจนขึ้นในลักษณะ Holding Company

โดยจะเป็นการลงทุนถือหุ้นใน 5 กลุ่มธุรกิจหลักในบริษัทย่อย บริษัทร่วมค้า ทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ และนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม ภายใต้ ออริจิ้น เวอร์ติเคิล

2.กลุ่มธุรกิจบ้านจัดสรร ภายใต้บริทาเนีย หรือ BRI 3. กลุ่มธุรกิจบริการ ภายใต้พรีโม่ เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI 4.กลุ่มธุรกิจ Hospitality and Tourism & Service ภายใต้ออริจิ้น โฮเทล และ 5.กลุ่มธุรกิจ Logistics and Warehouse ภายใต้ แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น

บริษัทมีพอร์ตพัฒนาสะสม 198 โครงการ เตรียมแผนการเติบโตในอนาคตสำหรับที่ดินบนทำเลศักยภาพในการเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท รวมถึงมี Backlog (ยอดขายรอโอน) มากกว่า 44,562 ล้านบาท สนับสนุนการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง 4 ปีหน้า

แผนธุรกิจปี 2568 ออริจิ้นฯ ชูกลยุทธ์ “Resilience Leads To Sustainable Growth” สร้างความยืดหยุ่น พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง สู่การเป็นผู้นำและการเติบโตอย่างยั่งยืนบนโอกาสใหม่ เพื่อสร้างความสมดุลในระยะยาวอย่างมีเสถียรภาพทั้งด้านธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ด้วย 7 กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ

ได้แก่ 1.FOCUS ON MAINSTREAM REVENUE 2. UNIQUE VALUE PROPOSITION 3. MARKET EXPANSION 4. DIGITAL TRANSFORMATION 5. FINANCIAL STRUCTURE MANAGEMENT 6. CUSTOMER FINANCIAL SUPPORT 7. ESG & GREEN REVOLUTION

2568 เปิดใหม่ 11 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท

สำหรับแผนลงทุนปี 2568 เตรียมเปิดโครงการใหม่ ครอบคลุมตลาดกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัดจำนวน 11 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 5 โครงการ มูลค่ารวม 12,500 ล้านบาท และบ้านแนวราบ 6 โครงการ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท เป้ายอดขาย (Presales) รวม 30,000 ล้านบาท และเป้ารายได้รวม (Total Revenue) 14,000 ล้านบาท

การทำการตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อเนื่อง มั่นใจว่ายอดขายจะเป็นไปตามเป้า 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการตั้งเป้ายอดขายในลักษณะคอนเซอร์เวทีฟ เทียบกับค่าเฉลี่ยที่มียอดขายปีละ 35,000 ล้านบาท

โดยการประเมินแผนธุริจและตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ เป็นไปตามภาวะตลาดรวมที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก อย่างไรก็ตาม หากปีนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น บริษัทพร้อมรุกลงทุนเพิ่มขึ้นได้ตลอดเวลา

ดึง “ณเดช คูกิมิยะ-เวินปี้เสีย” แบรนด์แอมบาสซาเดอร์

ไฮไลต์ตลาดในประเทศปีนี้ ORI ได้ดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์อีกครั้งหลังจากที่ร่วมงานกันมาเมื่อ 8 ปีก่อน

สื่อสารกับลูกค้ามาเป็นครอบครัวคอนโดออริจิ้นและบ้านบริทาเนียกับ ‘ณเดชน์’ ”เพื่อสร้าง Brand Awareness และตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ชัดเจนขององค์กร โดยจะเห็นการ Collab ร่วมกันผ่านแคมเปญทางการตลาดตลอดปี 2568

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ นอกจากแต่งตั้ง Master agent เป็นตัวแทนขาย, การเดินสายโรดโชว์ไปยังตลาดประเทศใหม่ๆ แล้ว ยังสร้างกลยุทธ์เชิงรุกด้วยการคว้าตัวศิลปินที่นักแสดงชื่อดังชาวจีน-ฮ่องกง “Irene Wan-เวินปี้เสีย” เป็นพรีเซ็นเตอร์นำคอนโดมิเนียมแบรนด์ Park Origin Collection บุกตลาดเอเชียอีกด้วย

”โรงแรม-แวร์เฮาส์” ธุรกิจดาวเด่น

นายพีระพงศ์กล่าวว่า ORI ยังเดินหน้าองค์กรเพื่อสร้างรายได้และกำไรระยะยาว จาก New Business Model ส่วนอื่นที่มีการขยายการลงทุนไปก่อนหน้า

โดยธุรกิจโรงแรม 9 แห่งเปิดดำเนินการแล้ว รวมทั้งโครงการที่อยู่ในบริษัทร่วมทุนและไม่ใช่บริษัทร่วมทุน ในปี 2567 มีรายได้โรงแรม กว่า 1,472 ล้านบาท และ EBITDA กว่า 514 ล้านบาท

“ปี 2568 จะเปิดโรงแรมใหม่ 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ 1 แห่งภายใต้รูปแบบ Dual Brand และ 2 แห่งเป็นการ Re-opening จากที่ acquire มาในปี 2566 ซึ่งเป็นโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างภูเก็ตและเชียงใหม่ จะส่งผลให้บริษัทมีการขยายตัวมากขึ้น ทั้งในแง่จำนวนห้องพักและโอกาสในการเติบโตของรายได้”

ขณะเดียวกัน บริษัทมีอีก 1 เครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนคือ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น ที่ประกอบธุรกิจด้านคลังสินค้า (Warehouse) ปัจจุบันมีอัตราการเช่า 97.6%

ปัจจุบันมีคลังสินค้า 9 แห่งอยู่ในทำเลยุทธ์ศาสตร์สำคัญ ได้แก่ ทำเลรังสิต, บางนา กม.22, บางนา กม.19, บางนา กม.23, แหลมฉบัง, พานทอง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมพื้นที่กว่า 383,039 ตารางเมตร กว่า 457 ไร่ ตั้งเป้าขยายเพิ่มเป็น 1 ล้านตารางเมตร 5 ปี (2568-2572)

19/3/2568  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 19 มีนาคม 2568 )

Youtube Channel