แกรนด์ แอสเสทฯ กางแผนปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ 5,000 ล้านจากธุรกิจโรงแรม 2,500 ล้านบาท อสังหาฯ 2,500 ล้านบาท กระจายการถือหุ้นในโรงแรมรอยัล ออคิด (ROH) จากผู้ร่วมลงทุน 6 รายใหม่ทั้งไทย-เทศ สรุปปลายเดือนมีนาคมนี้ ปรับโมเดลคอนโดฯ ไฮบริด ทั้งขายและให้เช่า 30 ปี เจาะนักลงทุนต่างชาติ
นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 2568 ว่า แกรนด์ แอสเสทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมของปีนี้ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ธุรกิจโรงแรม 2,500 ล้านบาท และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2,500 ล้านบาท
ในส่วนของธุรกิจโรงแรม บริษัทมีพอร์ตรายได้ที่แข็งแกร่งจากโรงแรม 4 แห่ง ได้แก่ 1.รอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ 2.เดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท 3.เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา และ 4.เชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า หลังจากได้ขายโรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ สุขุมวิท ไปเมื่อปลายปี 2567 ที่ผ่านมา
ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พอร์ตรายได้หลักปีนี้มาจาก 4 โครงการเช่นกัน ได้แก่ คอนโดมิเนียมแบรนด์ ไฮด์ สุขุมวิท 11, ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ, อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง และคอนโดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ริเวอร์ เบย์ เจริญนคร
สำหรับธุรกิจโรงแรมปี 2568 นี้ รายได้หลักจะมาจากโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมา รายได้อยู่ที่ 1,034 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ โดยวางเป้ารายได้จำนวน 1,200 ล้านบาท เติบโตเกือบ 20%
เฉพาะไตรมาส 1/68 คาดว่าจะมีรายได้ 360 ล้านบาท เกินกว่าเป้าที่วางไว้ หรือเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/67 เป็นผลมาจากการปรับปรุงพื้นที่ห้องประชุมสัมมนา ให้เป็นพื้นที่จัดงานที่ครบครันด้วยเทคโนโลยีทันสมัยในบรรยากาศวิวแม่น้ำเจ้าพระยา รองรับความต้องการของกลุ่ม MICE จากต่างประเทศ
อีกทั้งบริษัทได้ลงทุนปรับปรุงเปลี่ยนโฉมร้านอาหารและบาร์ สยามยอชท์คลับ ทำให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึงกว่า 30% ในช่วงไตรมาส 1/68 ทำให้ทั้งสองส่วนบริการนี้ จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ อย่างต่อเนื่องในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จะเร่งดำเนินการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ครบถ้วน จากที่แกรนด์ แอสเสทฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 97% ล่าสุด มีผู้สนใจเข้ามาร่วมลงทุนรวม 6 ราย เป็นนักลงทุนต่างชาติ 3 ราย และบริษัทไทยอีก 3 ราย โดยจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาในปลายเดือนมีนาคมนี้
นายวิทวัสกล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจะมีการปรับแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ เป็นอสังหาริมทรัพย์รูปแบบไฮบริด กล่าวคือ จะมีทั้งห้องชุดเพื่อขาย และห้องชุดให้เช่าเป็นระยะยาว 30 ปีขึ้นไป ในโครงการ ไฮด์ สุขุมวิท 11 ซึ่งทำเลมีศักยภาพสูงอยู่ใกล้สถานีบีทีเอส นานา
อีกโครงการ ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ คอนโดมิเนียมหรูใกล้สถานีบีทีเอส ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของวงการ ที่มีการพัฒนาคอนโดมิเนียมในรูปแบบไฮบริดดังกล่าวให้กับนักลงทุนต่างชาติ
บริษัทมีแนวทางในการลดภาระหนี้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะการชำระคืนหุ้นกู้ครบกำหนด ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีชำระคืนหุ้นกู้แล้ว 4,800 ล้านบาท ปีนี้มีแผนคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหน 3,000 ล้านบาท มาจากการดำเนินธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอสังหาฯ ทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินกิจการ และเงินร่วมลงทุนในโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ นายวิทวัลกล่าว
15/3/2568 ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ( 15 มีนาคม 2568 )